รักไม่มีวันตาย… หนุ่มแบกตู้เย็นเดินข้ามเขา 112 กม. ทำตามคำแซวสุดท้ายของภรรยา
หนุ่มอังกฤษสุดกล้า เดินข้ามเขา 112 กิโลเมตร แบก "ตู้เย็น" หนัก 38 กก. บนหลัง เพื่อทำตามคำพูดภรรยาที่จากไป
ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความรัก ความเสียสละ และแรงบันดาลใจ หนึ่งในเรื่องราวที่กินใจและสะเทือนอารมณ์ที่สุดในปีนี้ ต้องยกให้กับการเดินทางสุดท้าทายของ "แมตต์ โจนส์" ชายชาวอังกฤษวัย 42 ปี อดีตทหารนาวิกโยธิน และพ่อของลูกน้อยทั้งสี่คน ที่ตัดสินใจเดินข้ามเทือกเขาระยะทางกว่า 112 กิโลเมตร พร้อมแบก ตู้เย็นหนักถึง 38 กิโลกรัม บนหลังตลอดการเดินทาง
ไม่ใช่เพื่อพิชิตสถิติ ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง หากแต่เป็น การเดินทางที่อุทิศให้กับ “วิกกี้” ภรรยาผู้ล่วงลับ ผู้ซึ่งเคยเอ่ยคำพูดเล่น ๆ ทิ้งไว้ก่อนจากโลกนี้ไป และกลายเป็นแรงผลักดันที่เปลี่ยนชีวิตของแมตต์อย่างไม่อาจหวนกลับ
จุดเริ่มต้นของการเดินทางจาก “คำแซว” กลายเป็น “คำมั่นสัญญา”
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน ปี 2024 แมตต์ โจนส์ เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก หลังจากประสบปัญหาสุขภาพจากการใช้งานร่างกายอย่างหนักในช่วงเป็นทหาร แม้แพทย์จะแนะนำให้งดกิจกรรมหนัก ๆ และให้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่ แต่สำหรับชายผู้รักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ คำแนะนำเหล่านั้นแทบไม่สามารถหยุดยั้งเขาได้
“ตอนที่หมอบอกผมว่าต้องพักยาว ผมเองก็พยักหน้าตามมารยาท แต่ในใจนั้นมันร้อนรุ่มเหมือนคนถูกขัง” แมตต์เล่าพร้อมรอยยิ้มเศร้า
วิกกี้ ภรรยาของเขา ซึ่งนั่งฟังอยู่ในห้อง ก็หัวเราะและพูดติดตลกกับคุณหมอว่า
“คุณคงพูดกับกำแพงอยู่นะคะ เพราะสามีฉันไม่เคยหยุด เขาน่าจะไปลงแข่งเดินป่ารอบเขา Llangollen แน่นอน... แถมคงแบกตู้เย็นไปด้วยแน่ ๆ”
แมตต์ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบภรรยาทันทีว่า
“ผมจะเข้าร่วมถึงสองรอบ แล้วจะแบกตู้เย็นด้วย!”
ถ้อยคำตลกในวันนั้น กลับกลายเป็น “คำสัญญา” ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจเขาไปตลอดกาล เพราะอีกไม่นานหลังจากนั้น วิกกี้ก็จากไปอย่างกะทันหันในวันที่ 23 ธันวาคม 2024 เหตุการณ์นั้นสร้างความโศกเศร้าให้กับแมตต์และลูก ๆ อย่างสุดซึ้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ไม่ธรรมดา
ฝึกฝนร่างกายใหม่ เพื่อเป้าหมายหัวใจเดิม
แม้จะอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัดสะโพกใหม่ และแบกหัวใจที่แตกสลายจากการสูญเสีย แต่แมตต์ก็ไม่เคยล้มเลิกเป้าหมายของเขา เขาเริ่มฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ต้นปี 2025 เพื่อเตรียมเข้าร่วมกิจกรรม Llangollen Round Challenge การเดินข้ามเทือกเขาระยะทางรวม 112 กิโลเมตร ที่จัดขึ้นปีละสองครั้งในประเทศเวลส์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่วิกกี้เคยพูดถึง
“ทุกก้าวที่ฝึกซ้อม ผมรู้สึกเหมือนเดินไปพร้อมกับเธอ บางวันผมเหนื่อยจนแทบล้ม บางวันเจอลมแรงจนแทบยืนไม่ไหว แต่ความทรงจำเกี่ยวกับวิกกี้ทำให้ผมลุกขึ้นมาเดินต่อได้เสมอ”
และสิ่งที่น่าทึ่งคือเขาไม่ได้แค่เดิน เขา แบกตู้เย็นหนัก 38 กิโลกรัม ไปด้วย — ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่เพื่อเป็น สัญลักษณ์แห่งความทรงจำ ต่อถ้อยคำที่วิกกี้เคยพูดอย่างขำ ๆ ในวันนั้น
ความทรงจำคือแรงผลักดัน
แมตต์บอกว่าในวันแรกของการเดิน เขารู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่ไหว และไม่สามารถไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ได้ แต่เมื่อเขาคิดถึงวิกกี้ คำพูดของเธอ รอยยิ้มของเธอ และความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อเขา ทุกอย่างนั้นกลับกลายเป็นพลังที่ผลักดันให้เขาเดินหน้าต่อ
“เธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง เธอมักพูดเสมอว่าเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เธอเป็นทั้งแรงใจและครูของลูก ๆ และของผม เธอเปลี่ยนผมจากผู้ชายธรรมดา ให้กลายเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต”
แมตต์เล่าว่า เขาหวังว่าการเดินทางของเขาจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่เผชิญกับความสูญเสีย ให้ลุกขึ้นมาทำบางสิ่งเพื่อระลึกถึงคนที่เรารัก และเพื่อฟื้นคืนชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง
ทำดีเพื่อผู้อื่น พร้อมเกียรติแด่คนรัก
แม้การเดินทางนี้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่แมตต์ไม่ได้คิดถึงเพียงตนเอง เขาตั้งเป้าระดมทุนเพื่อบริจาคให้กับองค์กรการกุศลสำหรับเด็ก ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าทึ่งมาก — เขาสามารถระดมทุนได้มากกว่า 50,000 ปอนด์ (ราว 2.2 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
เงินบริจาคทั้งหมดนี้จะนำไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส และแมตต์หวังว่า “วิกกี้คงภูมิใจที่รู้ว่าความทรงจำเกี่ยวกับเธอสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของผู้อื่นได้”
“ทุกก้าวของผมคือการก้าวไปกับเธอ แม้วันนี้จะไม่มีเธอเดินข้าง ๆ แต่เธออยู่ในหัวใจผมเสมอ” — แมตต์กล่าวด้วยน้ำตาคลอ
ความรักที่ไม่ดับสูญ
เรื่องราวของแมตต์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการเดินข้ามภูเขา แต่เป็นเรื่องของ “ความรักที่ไม่จางหายแม้ความตายจะพรากเราไป” เป็นเรื่องของความทรงจำที่กลายเป็นพลัง เป็นเรื่องของคำสัญญาเล็ก ๆ ที่กลายเป็นภารกิจยิ่งใหญ่
ในโลกที่หลายครั้งเราถูกท้าทายให้ยอมแพ้ การที่แมตต์ไม่เพียงสู้เพื่อเดินให้ถึงเป้าหมาย แต่ยังแบกตู้เย็นหนัก ๆ บนหลังเพื่อระลึกถึงภรรยา คือเครื่องเตือนใจว่า เมื่อเราทำสิ่งใดด้วยความรัก เราสามารถไปได้ไกลเกินกว่าที่เราคิดไว้
















