โซเชียลลุกเป็นไฟ! ผู้ประกาศสาย Outdoor โดนจับตา ปมชอบโชว์กลางแจ้งร้อนถึงพี่หน่วงคอมเมนต์
ชาวเน็ตฮือฮา! ลือสนั่น “ผู้ประกาศข่าวชายใส่แว่น” สายเอาท์ดอร์ ถ่ายคลิปลับกลางแจ้ง – ต้นทางโซเชียลแชร์ว่อน รอความจริงเปิดเผย!
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โลกโซเชียลเต็มไปด้วยกระแสข่าวสุดฮือฮา ที่หลายคนต้องขยี้ตา อ่านซ้ำสองรอบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีเพจดังอย่าง “ท่านเปา” ออกมาเปิดประเด็นสุดเผ็ดร้อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “ผู้ประกาศข่าวชายใส่แว่น” ที่ถูกกล่าวอ้างว่ามีพฤติกรรมลับหลังไมค์ไม่น่าเชื่อ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการถ่ายคลิปในสถานที่สาธารณะ พร้อมมีการสร้าง “กลุ่มลับ” แชร์คลิปแนวผู้ใหญ่ ที่ว่ากันว่าโจ่งแจ้งเกินรับได้!
เรื่องนี้เริ่มต้นจากการที่เพจ “ท่านเปา” โพสต์ข้อความเมื่อไม่นานมานี้ว่า:
“ความลับในห้องมืด - ผู้ประกาศข่าวชายใส่แว่น สาย Outdoor ชอบโชว์เสียวในที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำปั๊ม, ทางรถไฟ, ถ่ายคลิป เปิดกลุ่มลับ”
ซึ่งข้อความนี้มาพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติมที่ทำให้ชาวเน็ตต่างโยงไปถึงหลายบุคคลในวงการข่าว โดยเพจดังกล่าวยังระบุอีกว่า บุคคลนี้ "ใส่แว่น" และ "ไม่ใช่นักข่าวภาคสนาม" แต่เป็นคนที่ "นั่งอ่านข่าวในสตูดิโอ" ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ติดตามข่าว เพราะเป็นการชี้เป้าแบบชัดเจนขึ้น และเหมือนเปิดประตูให้เกิดการคาดเดากันอย่างกว้างขวาง
“พี่หนุ่ม กรรชัย” โผล่คอมเมนต์ สยบข่าวลือบางส่วน
ความร้อนแรงของประเด็นนี้ยังทวีคูณขึ้นไปอีกขั้น เมื่อ "พี่หนุ่ม กรรชัย" ผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง เข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเพจ “ท่านเปา” ด้วยประโยคติดตลกแต่แฝงด้วยความหมายนัยว่า:
“แต่ไม่ใช่คนที่ใส่แว่นของหอแว่นนะ”
ข้อความนี้กลายเป็นไวรัลทันที เพราะคนจำนวนมากมองว่าพี่หนุ่มอาจจะตั้งใจ “สยบข่าวลือ” ที่เริ่มโยงเข้าหาตัวเขา แม้ไม่มีชื่อปรากฏชัดเจน แต่เพราะลักษณะ “ใส่แว่น” และ “อ่านข่าวในสตูดิโอ” ทำให้หลายคนเริ่มจับโยงผิดพลาด โดยที่เจ้าตัวต้องออกมาคอมเมนต์เชิงตลกเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า “ไม่ใช่ผมแน่นอนนะครับ!”
“เจ๊มอย” เสริมทัพโพสต์ ภาพหลักฐานเบลอ ๆ – อ้างว่า “มีเมีย แต่ชอบ Outdoor แนวโจ่งครึ่ม”
อีกหนึ่งเพจที่เข้ามามีบทบาทในกระแสดราม่าครั้งนี้คือ “เจ๊มอย” ที่ออกมาโพสต์เสริมพร้อมภาพหลักฐานที่มีการเซ็นเซอร์ไว้ พร้อมระบุว่า:
“มีเรื่องให้ใส่ใจยามเช้าค่าาาา อ้างผู้ประกาศข่าวสวมแว่น ชอบเอาท์ดอร์ ถ่ายคลิปลงทวิตแบบโจ่งครึ่ม ทั้ง ๆ ที่ที่บ้านมีเมียแล้ว แต่คอนเทนต์ xxx กับซงค่ะเจ้”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการกล่าวหาว่าผู้ชายในคลิปมีการถ่ายตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า บ้านร้าง ทางด่วน สะพานลอย ฯลฯ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เพียงแค่ล้ำเส้นศีลธรรม แต่ยังอาจละเมิดกฎหมายและสิทธิของบุคคลอื่น
เพจยังระบุด้วยว่า มีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบ ไม่มีการดำเนินการหรือคำชี้แจงจากองค์กรใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ชาวเน็ตถาม: ถ้าเป็นความจริง จะกระทบวงการสื่อแค่ไหน?
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ร้อนแรงไม่แพ้ประเด็นตัวบุคคล เพราะชาวเน็ตจำนวนมากต่างแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบของกรณีนี้ หากเรื่องนี้เป็นความจริง จะถือว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของวงการสื่อมวลชนโดยตรง เพราะ “ผู้ประกาศข่าว” มีหน้าที่รายงานข้อมูลต่อสาธารณชน เป็นภาพลักษณ์ของความน่าเชื่อถือ ความเรียบร้อย และการรักษาจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด
หลายคนตั้งคำถามว่า ถ้าบุคคลที่เกี่ยวข้องในข่าวฉาวนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ประกาศจริง ๆ องค์กรต้นสังกัดจะออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือดำเนินการอย่างไร เพราะพฤติกรรมเช่นนี้นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์องค์กรแบบไม่อาจมองข้ามได้
หรือเป็นแค่ข่าวปลอม? บางกระแสแย้ง – ไม่มีหลักฐานชัดเจน
ในขณะที่กระแสหนึ่งกำลังร้อนแรงและพุ่งเป้าไปที่การตามหาว่า “ใครคือผู้ประกาศข่าวสวมแว่นคนนั้น” ก็มีอีกฝั่งหนึ่งของโลกออนไลน์ที่แสดงความเห็นอย่างมีเหตุผลว่า ข่าวนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่ยืนยันตัวบุคคลอย่างชัดเจน ไม่มีภาพที่เปิดเผยหน้า ไม่มีคำยืนยันจากต้นสังกัด หรือเจ้าตัวที่ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ การคาดเดาและวิพากษ์กันไปล่วงหน้าอาจสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงได้โดยไม่รู้ตัว
บางคนจึงออกมาเตือนว่า ควรรับข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ ไม่หลงเชื่อหรือแชร์ต่อหากไม่มีข้อมูลจริง เพราะอาจกลายเป็นการหมิ่นประมาทหรือแชร์ข้อมูลเท็จโดยไม่รู้ตัว
ทวิตต้นเรื่องถูกลบไปแล้ว แต่ความสนใจยังไม่จบ
แม้ในขณะนี้ ทวิตเตอร์ที่เคยมีการเผยแพร่คลิปหรือข้อมูลต่าง ๆ ได้ถูกลบออกไปทั้งหมดแล้ว แต่การพูดถึงและค้นหาความจริงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายแพลตฟอร์ม ทั้งเฟซบุ๊ก, TikTok และเว็บบอร์ดยอดนิยม โดยเฉพาะแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องยังคงมีผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่น
ผู้คนต่างเฝ้ารอว่า “ข้อเท็จจริง” จะออกมาในรูปแบบใด ใครจะเป็นผู้เปิดเผยความจริง และหากมีการพิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลในแวดวงสื่อจริง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบทลงโทษตามมาหรือไม่?
เรื่องนี้จะจบอย่างไร อยู่ที่ “ความจริง” เท่านั้น
แม้ตอนนี้เราจะยังไม่รู้ว่า “ผู้ประกาศข่าวใส่แว่น” คนที่ว่าคือใคร และสิ่งที่ถูกกล่าวอ้างนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่กรณีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของโซเชียลมีเดียอย่างชัดเจน ว่าเพียงแค่ข้อความไม่กี่บรรทัด ภาพเบลอเพียงหนึ่งภาพ ก็สามารถจุดไฟข่าวลือให้ลุกลามเป็นไวรัลได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนใจให้ทุกคนใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีสติ ตรวจสอบก่อนแชร์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่เห็น หรือร่วมเป็น “ผู้พิพากษาในโซเชียล” โดยปราศจากข้อเท็จจริง เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งได้โดยไม่ตั้งใจ
ตอนนี้สิ่งที่สังคมต้องการมากที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ “ชื่อของผู้ประกาศคนนั้น” แต่คือ “ความจริง” ที่จะยุติความวุ่นวายและกระแสข่าวลืออันบานปลายนี้ได้อย่างแท้จริง
ไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ทำไมคนเกิดก่อนปี 2535 ควรได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี จริงหรือไม่คนเกิดก่อนปี 2535 เสี่ยงมะเร็งตับ 100 เท่า
สามีที่จุ๊บภรรยาก่อนออกไปทำงาน ชีวิตจะยืนยาว ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ดูดวงเดือนธันวาคม ปี2568 ครบทั้ง 12 ราศี
"หมอสุภัทร" เผย "Rain Bomb" เขาคอหงส์ คือจุดเริ่มต้นของน้ำท่วมหาดใหญ่
ส่อแววแตกหัก นานา เอาคืนอันฟอลพอลล่า เทอเลอร์ จับตาอันฟอล มีเพื่อนในแก๊ง เพิ่มหรือไม่
"โก๊ะตี๋-ใบมิ้นต์" โชว์หวานรอบใหม่
อดีตนายกแพทองธาร นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบบิดาหลังพึ่งผ่าน วันเกิดมารดา







