เดือด! "เต้ อาชีวะ" ลุยตลาดเขมรสำโรงเหนือ ไล่เช็กต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย
เปิดปฏิบัติการ “ตลาดเขมร” สมุทรปราการ! เต้ อาชีวะ ผนึกตำรวจลุยจับแรงงานเถื่อน – เผยข้อมูลลับแรงงานกว่า 600 คนแอบซ่อนในนิคมฯบางปู
กลายเป็นกระแสที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ เมื่อ นายอัครวุธ บุรณพนธ์ หรือที่หลายคนรู้จักในนาม “เต้ อาชีวะ” นักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดัง และหนึ่งในแกนนำกลุ่ม “ไทยไม่ทน” ได้ผนึกกำลังกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเข้าตรวจสอบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายภายใน “ตลาดสำโรง” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ตลาดเขมร” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้าร่วม ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ, เจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และเจ้าหน้าที่จากกรมแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งการบูรณาการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่แฝงตัวอยู่ภายในตลาด
พบแรงงานเถื่อน 8 ราย กระทำผิดชัดเจน พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการตรวจสอบภายในพื้นที่ตลาด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่กระทำผิดได้ จำนวน 8 ราย แบ่งเป็น ชาย 7 ราย และหญิง 1 ราย โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 มาตรา 8 ซึ่งระบุชัดเจนว่าเป็นความผิดกรณีทำงานนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีใบอนุญาตทำงาน
โทษตามกฎหมายมีทั้ง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแรงงานเหล่านี้อาจถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทาง พร้อมห้ามเข้ามาทำงานในประเทศไทยอีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ขณะที่นายจ้างที่ใช้แรงงานเถื่อน จะถูกปรับ 10,000 – 100,000 บาทต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน และหากทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี จะถูกสั่งห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวอย่างเด็ดขาดเป็นเวลา 3 ปี
เต้ อาชีวะ ลั่น! ไม่ใช่การเกาะกระแส แต่เป็นการทำเพื่อคนไทย
นายอัครวุธ บุรณพนธ์ หรือเต้ อาชีวะ กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ว่า ตนไม่ได้ลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อ “เกาะกระแส” จากประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด แต่เป็นสิ่งที่เขาทำมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
“ผมได้รับการร้องเรียนจากคนไทยในพื้นที่ว่าได้รับความเดือดร้อนจากแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่เริ่มทำตัวเหนือกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้มีปัญหากับคนที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าทำผิดแล้วมารบกวนคนไทย นี่แหละที่ผมรับไม่ได้”
คำพูดของเต้ อาชีวะ สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการดูแลผลประโยชน์ของคนไทยในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจ การแข่งขันทางการค้า และความไม่เท่าเทียมในการดำเนินธุรกิจ
เสียงสะท้อนจากแม่ค้าคนไทย – เมื่อ “คู่แข่งเถื่อน” ทำให้คนไทยต้องเปลี่ยนอาชีพ
นอกจากนี้ยังมีเสียงจาก แม่ค้าคนไทยรายหนึ่ง นามสมมุติว่า “น.ส.เอ” อายุ 30 ปี เปิดใจว่า เธอประกอบอาชีพขายเนื้อหมูในตลาดแห่งนี้มานานกว่า 6 ปี ต่อจากแม่ที่ทำมาหลายสิบปี แต่ในช่วงหลังต้องพบกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากร้านค้าคู่แข่งที่ใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
“ตอนนี้ร้านค้าคู่แข่งมีเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็ใช้แรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมายมาขายของหน้าร้าน ขายตัดราคา ขายแบบไม่มีต้นทุนแรงงาน ก็ทำให้เราสู้ไม่ไหว”
แม่ค้ารายนี้ยังเล่าว่า เพราะการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นและไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง เธอจึงต้องผันตัวมาขาย กากหมูเจียว แทน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีต้นทุนน้อยและไม่ต้องแข่งขันกับร้านค้าใหญ่ เธอจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลหันมาดูแลคนไทยที่กำลังเสียเปรียบในบ้านของตัวเอง
จดหมายน้อยเปิดโปง! แรงงานต่างด้าว 600 คน ซ่อนในหมู่บ้านนิคมฯ บางปู
ไฮไลต์สำคัญของการลงพื้นที่ในครั้งนี้คือ มี ประชาชนรายหนึ่ง ได้เขียน “จดหมายน้อย” มอบให้กับเต้ อาชีวะ โดยระบุข้อมูลที่น่าตกใจว่า ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมบางปู มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายประมาณ 600 คน ซ่อนตัวอยู่ และ “ไม่มีตำรวจคนไหนจับได้”
ข้อมูลจากจดหมายนี้จุดประเด็นร้อนทันทีในโซเชียล โดยเต้ อาชีวะยืนยันว่าจะนำเอกสารฉบับนี้ส่งต่อให้กับผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเตรียมเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบในลำดับถัดไป
แรงงานต่างด้าวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ – เส้นบางๆ ระหว่างโอกาสและภัยคุกคาม
ปรากฏการณ์ในตลาดเขมรครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบแรงงานไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงงานต่างด้าวเป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและบริการ แต่หากขาดการจัดการอย่างเหมาะสม การปล่อยให้แรงงานเหล่านี้เข้ามาโดยผิดกฎหมาย และแข่งขันกับคนไทยโดยไม่เป็นธรรม ก็ย่อมกลายเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง
รัฐบาลจึงควรหาทางสายกลางระหว่างการใช้แรงงานต่างด้าวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการคุ้มครองสิทธิของคนไทยอย่างเท่าเทียม ไม่ให้เกิดการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน
บทส่งท้าย: จะปล่อยให้คนไทยกลายเป็น “ผู้แพ้ในบ้านตัวเอง” หรือไม่?
สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดสำโรง ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์หนึ่งที่จบแล้วจบเลย แต่เป็นกระจกสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือจังหวัดชายแดน การใช้แรงงานต่างด้าวโดยไม่ตรวจสอบ อาจนำไปสู่ความเสียเปรียบในระยะยาวของแรงงานไทยโดยตรง
ปฏิบัติการของ “เต้ อาชีวะ” ในครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจุดกระแสให้คนในสังคมหันมามองปัญหานี้อย่างจริงจังอีกครั้ง และหวังว่าหน่วยงานภาครัฐจะไม่ปล่อยให้เป็นเพียงแค่ “ไฟไหม้ฟาง”
ประเทศไทยควรเป็นแผ่นดินแห่งความยุติธรรม ไม่ใช่เพียงแค่แดนเศรษฐกิจที่ใครก็เข้ามาหาผลประโยชน์ได้ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อเจ้าของแผ่นดิน

















