เคลียร์เอง! “ไก่ ภาษิต” ขยับครั้งแรก หลังเจอโยงข่าวผู้ประกาศสาย Outdoor
วงการข่าวสะเทือน! ผู้ประกาศข่าวชายชื่อดังเจอแฉคลิปหลุดกลางโซเชียล – ใครกันแน่? ชาวเน็ตเดาให้วุ่น!
เรียกได้ว่าเป็นข่าวร้อนที่สะเทือนวงการสื่อมวลชนไทยอย่างแรง เมื่อเพจดังในโลกออนไลน์อย่าง "ท่านเปา" ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลชวนอึ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวของผู้ประกาศข่าวชายรายหนึ่ง ซึ่งภาพลักษณ์ภายนอกดูดี มีความน่าเชื่อถือในฐานะสื่อมวลชน แต่กลับถูกกล่าวหาอย่างหนักว่ามีพฤติกรรมสุดฉาวที่สวนทางกับบุคลิกต่อหน้ากล้องอย่างสิ้นเชิง
จากข้อมูลที่เพจ "ท่านเปา" ปล่อยออกมา มีการกล่าวถึง "ผู้ประกาศข่าวชายรูปร่างสูง ผิวขาว ขายาว ใส่แว่น ดูภูมิฐานเวลาออกหน้าจอ" แต่เบื้องหลังกลับมีพฤติกรรมชวนอึ้ง ทั้งการ โชว์เรือนร่างในพื้นที่สาธารณะ, ห้องน้ำปั๊มน้ำมัน, รางรถไฟ ไปจนถึง การถ่ายคลิปวาบหวิวของตนเองเผยแพร่ในกลุ่มลับ ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกระบุว่าเป็น "คลิปจริง" ไม่ใช่แค่ข่าวลือ เพราะมีหลักฐานเป็นภาพและวิดีโอที่เริ่มแพร่กระจายอยู่ในกลุ่มเฉพาะทางโซเชียลมีเดีย
โซเชียลเดือด! ชาวเน็ตโยงหาตัวบุคคลในคลิป – พุ่งเป้า 3 ผู้ประกาศข่าวชายชื่อดัง
หลังจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ กระแสสังคมก็เดือดปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการตั้งข้อสงสัยถึงตัวตนของผู้ประกาศข่าวชายคนดังกล่าว พร้อมโยงไปยังบุคคลที่มีลักษณะตรงตามคำใบ้ ทั้งแบบจริงจังและแบบขำขัน หลายชื่อถูกพาดพิงในทันที ไม่ว่าจะเป็น "ไก่ ภาษิต อภิญญาวาท", "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย", และ "อนุวัติ เฟื่องทองแดง" โดยเฉพาะ "ไก่ ภาษิต" ที่ถูกพุ่งเป้าแรงมากจากคำใบ้ที่ตรงหลายประเด็น ทั้งรูปร่างหน้าตา และบุคลิก
ไก่ ภาษิต เคลื่อนไหวแล้ว! ยืนยัน “ขานั้นไม่ใช่ผม” พร้อมโชว์ความมั่นใจเรื่องหุ่นตัวเอง
หลังตกเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในประเด็นนี้ ไก่ ภาษิต ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมสตอรี่ของตนเอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ โดยมีการระบุข้อความสั้น ๆ แต่ฟาดได้อย่างมีอารมณ์ขันว่า
“ขานั้นไม่ใช่ผมนะครับ ขาผมหย่ายกว่าเยอะ”
ประโยคนี้กลายเป็นไวรัลทันที เพราะแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวไม่เพียงแค่ปฏิเสธอย่างมั่นใจ แต่ยังเล่นกับกระแสด้วยอารมณ์ขัน เพื่อลดความตึงเครียดของประเด็นอีกด้วย
หนุ่ม กรรชัย และอนุวัติ ก็ไม่รอช้า – ขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ไม่ใช่แค่ไก่ ภาษิต ที่ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะผู้ประกาศข่าวชายชื่อดังอีกสองรายอย่าง หนุ่ม กรรชัย และ อนุวัติ เฟื่องทองแดง ก็ออกตัวแรงเช่นกัน โดยทั้งคู่ได้ชี้แจงกับผู้ติดตามและสื่อว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวฉาวดังกล่าวอย่างแน่นอน พร้อมแสดงความไม่สบายใจกับการที่ชื่อตนเองถูกโยงโดยไม่มีหลักฐาน
หนุ่ม กรรชัย ซึ่งถือเป็นผู้มีบทบาทในรายการข่าวเชิงสืบสวนอย่าง “โหนกระแส” ยังได้แสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางโซเชียลว่า ต้องใช้สติในการเสพข่าว และไม่ควรด่วนตัดสินบุคคลใดโดยไร้หลักฐาน พร้อมทิ้งท้ายแบบมีนัยยะว่า
“อย่าลืมนะครับว่า...ทุกคนมีสิทธิ์ในความเป็นส่วนตัว จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเขาผิดจริง”
กระแสโซเชียลยังร้อนแรง – หลักฐานหลุดเพิ่ม คาดตัวจริงจะถูกเปิดเผยเร็ว ๆ นี้
แม้ผู้ประกาศข่าวหลายคนจะรีบออกตัวปฏิเสธ แต่กระแสโซเชียลยังไม่สงบ โดยเฉพาะเมื่อมีคลิปใหม่ ๆ และภาพบางส่วนที่อ้างว่าเป็น "หลักฐานเด็ด" เริ่มปรากฏในกลุ่มลับ บางคลิปถูกแคปมาวิจารณ์ในทวิตเตอร์อย่างร้อนแรง ทำให้หลายคนยิ่งสงสัยว่าผู้ประกาศข่าวชายที่ตกเป็นเป้านั้นคือใครกันแน่
นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้บางรายอ้างว่าเคยเห็นคลิปต้นฉบับ และระบุว่า "เป็นคนที่คุณคาดไม่ถึง" ซึ่งยิ่งทำให้กระแสการตามหาตัวจริงร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนแสดงความไม่พอใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากเป็นเรื่องจริง โดยมองว่า คนทำงานสื่อควรเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่คนที่สร้างพฤติกรรมอื้อฉาวในที่ลับแล้วกลับมาทำตัวน่าเชื่อถือบนหน้าจอ
คำถามที่สังคมต้องคิด – เสรีภาพส่วนตัวหรือความรับผิดชอบต่อสาธารณะ?
แม้หลายคนจะบอกว่าเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวควรเป็นเรื่องส่วนตัว หากไม่กระทบใคร แต่ในกรณีนี้กลับเกิดการตั้งคำถามอย่างหนักว่า "คนที่ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว เป็นสื่อมวลชน ควรมีกรอบจริยธรรมมากแค่ไหน?" โดยเฉพาะเมื่อเขาทำหน้าที่สื่อสารกับสังคมจำนวนมาก และมักเป็นผู้รายงานข่าวเกี่ยวกับศีลธรรม สังคม หรือแม้กระทั่งเรื่องพฤติกรรมเสื่อมเสียของผู้อื่น
อีกด้านหนึ่งก็มีคนโต้แย้งว่า "หากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมในพื้นที่ส่วนตัว และไม่ได้ละเมิดกฎหมายหรือคุกคามใคร" ก็ไม่ควรเอามาล่าแม่มด เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่สื่อหรือโซเชียลไม่ควรก้าวล่วง
บทสรุปที่ยังไม่ชัดเจน – แต่แรงสะเทือนของข่าวฉาวนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
แม้ในตอนนี้ตัวตนของผู้ประกาศข่าวชายที่ถูกกล่าวหายังไม่ถูกยืนยันอย่างแน่ชัด และยังไม่มีการชี้ตัวอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานใด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ของวงการข่าวได้เริ่มขึ้นแล้ว
ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของผู้ประกาศที่ถูกโยงจะได้รับผลกระทบ แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้กับคนในวงการสื่อทุกคนว่า ภาพลักษณ์ที่เห็นบนหน้าจอ ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมหลังฉาก เพราะหากความไว้ใจจากประชาชนถูกสั่นคลอน แม้เพียงคนเดียว ก็อาจกระทบความน่าเชื่อถือของทั้งองค์กร
ท้ายที่สุดนี้ สังคมยังคงจับตารออย่างใกล้ชิดว่า ตัวจริงของคลิปฉาวคือใคร และเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร จะมีการออกมายอมรับหรือฟ้องร้องตอบโต้ หรือเรื่องจะเงียบหายไปตามกระแสโซเชียล
แต่ที่แน่ ๆ เรื่องนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญในยุคที่ “ภาพลักษณ์” และ “ความจริง” อาจเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง

















