ทัพเรือฮึกเหิม! ผบ.กองเรือฯ ยืนยันความพร้อมรบ ตรวจหน่วยซีลด้วยตนเอง สั่งเตรียมรับทุกสถานการณ์
"ผบ.กองเรือยุทธการ" โชว์ความพร้อมรบเต็มพิกัด บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร – ตอกย้ำบทบาท ‘เครื่องมือรัฐ’ เพื่อสันติภาพ
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 โลกออนไลน์ได้จับตามองการเคลื่อนไหวของ “กองเรือยุทธการ” หนึ่งในหน่วยกำลังหลักของกองทัพเรือไทย ภายหลังจากที่เพจทางการของ Royal Thai Fleet ได้เผยแพร่ภาพและถ้อยคำปลุกใจจากภารกิจสำคัญของ พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี๋ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) ที่นำทีมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กำลังพล บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งเป็นเรือธงของราชนาวีไทย และยังเดินทางต่อเนื่องไปยังหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “หน่วยซีล” ณ ฐานที่มั่นในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
การเยือนของ ผบ.กร. ไม่ใช่เพียงแค่การตรวจราชการหรือเยี่ยมเยียนขวัญกำลังใจในแบบปกติ หากแต่ครั้งนี้ถือเป็นการ “ส่งสัญญาณ” สำคัญต่อทั้งประชาชนและนานาประเทศ เกี่ยวกับขีดความสามารถที่แท้จริงของกองทัพเรือไทย และบทบาทของ “กองเรือยุทธการ” ในฐานะเครื่องมือทางทหารของรัฐ ที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินนโยบายทางการเมือง ทั้งในเชิงรุกและรับ ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ
ยืนยันความพร้อมรบ "ในทุกมิติ" จากดาดฟ้าบินเรือหลวงจักรีฯ
บนดาดฟ้าบินของ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งถือเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่ทางทะเลของไทย ผบ.กร. ได้กล่าวอย่างหนักแน่นถึง “ความพร้อมรบเต็มพิกัด” ของกองเรือยุทธการ โดยเฉพาะการบูรณาการกำลังรบทางเรือ อากาศนาวี และหน่วยสงครามพิเศษให้สามารถปฏิบัติการร่วมกันในทุกสถานการณ์
เขาเน้นย้ำว่า หน่วยกำลังรบภายใต้การดูแลของเขา ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงในน่านน้ำของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเตรียมความพร้อมในการ “ปฏิบัติการเชิงรุก” หากมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและประชาชน พร้อมประกอบกำลังเป็น “กองเรือเฉพาะกิจ” ที่สามารถปฏิบัติการได้ในระยะไกลอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงขีดความสามารถในการคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางทะเล การโจมตีตอบโต้ หรือแม้แต่การสนับสนุนการรบของกองกำลังนาวิกโยธินที่ต้องยกพลขึ้นบกและบรรจบกับกำลังทางบก ซึ่งเป็นทักษะเชิงยุทธศาสตร์ที่ได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและจากการฝึกร่วมกับพันธมิตรต่างชาติ
“เรารักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” – หนึ่งในแฮชแท็กที่ทรงพลัง
ภายหลังภารกิจตรวจเยี่ยม เพจทางการของกองเรือยุทธการ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายและข้อความที่ปลุกขวัญกำลังใจให้กับประชาชน พร้อมติดแฮชแท็กที่กลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ซึ่งไม่เพียงสะท้อนจุดยืนของกองทัพเรือไทย แต่ยังเป็นการ “ส่งสาร” ที่ชัดเจนถึงทุกฝ่ายว่า ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในการรักษาสันติภาพ และการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างไม่ยอมถอย
ถ้อยคำนี้ ไม่ใช่เพียงถ้อยแถลงเพื่อปลุกใจ หากแต่แฝงไว้ด้วยความหมายทางยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้ง เพราะในยุคปัจจุบันที่โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างรวดเร็ว ความสามารถในการ “รุก” ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการ “รับ”
หน่วยซีล – หัวใจของการรบพิเศษทางเรือ
หลังเสร็จสิ้นภารกิจบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร พลเรือเอก ณัฏฐพล ยังได้เดินทางไปยัง กองบังคับการกรมรบพิเศษทางเรือ ณ อำเภอสัตหีบ เพื่อมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมหน่วยซีล หน่วยรบพิเศษระดับแนวหน้าของกองทัพเรือไทย ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในด้านความเข้มแข็ง การฝึกฝนที่โหดหิน และภารกิจลับที่ต้องการความแม่นยำระดับสูงสุด
การไปถึงหน่วยซีลในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการ “ลงพื้นที่สู่หัวใจของขุมพลังทางยุทธศาสตร์” ที่ไม่มีใครกล้าประเมินต่ำ หน่วยซีลเป็นกลไกสำคัญในการปฏิบัติภารกิจเฉพาะทาง เช่น การแทรกซึม การกู้ภัย การต่อต้านการก่อการร้าย และยังมีบทบาทในภารกิจต่างประเทศภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ
พลเรือเอก ณัฏฐพล ได้เน้นว่า กองเรือยุทธการและหน่วยซีลจะเป็น “เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ” ของรัฐบาล ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ไม่ใช่เพื่อการยั่วยุหรือแสดงแสนยานุภาพอย่างไร้เหตุผล แต่เพื่อการเจรจาที่อยู่บนพื้นฐานของ “พลัง” และ “ความพร้อม” ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
สงครามไม่ใช่เป้าหมาย แต่การพร้อมรบคือข้อได้เปรียบ
ในบริบทของโลกยุคใหม่ ความมั่นคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเรือรบหรือขีปนาวุธเพียงอย่างเดียว หากแต่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการประสานงาน ปรับตัว และแสดงความพร้อมในระดับที่สามารถ “ป้องกันโดยไม่ต้องรบ”
ความพร้อมรบจึงไม่ใช่เพียงเพื่อชัยชนะในสนามรบ แต่เพื่อสร้าง “อำนาจต่อรอง” ในการเจรจาทางการทูต และเป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม “ลังเล” ก่อนคิดจะละเมิดอธิปไตย
ในประเด็นนี้ พลเรือเอก ณัฏฐพล ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่า กองเรือยุทธการจะไม่ใช่เพียง “กองกำลังทหาร” แต่จะทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือรัฐ” ที่ทรงพลัง ในการเสริมสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน โดยยึดหลักกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นทิศทางที่สะท้อนถึงความทันสมัยของกองทัพไทยในยุคโลกาภิวัตน์
บทส่งท้าย: ความมั่นคงคือรากฐานของสันติภาพ
จากภาพที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ไม่ใช่แค่เพียงภาพของเรือรบ หรือทหารในเครื่องแบบ หากแต่เป็นภาพของ “ความมั่นใจ” ที่ส่งผ่านจากผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือยุทธการ สู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีแต่ความไม่แน่นอน ประเทศไทยยังคงยืนหยัดอยู่บนหลักการของสันติวิธี แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาท และเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ ด้วยขีดความสามารถที่เทียบเท่าระดับสากล
เพราะ “การมีสันติภาพ” ไม่ใช่แค่การไม่มีสงคราม แต่คือการที่ประเทศชาติสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและภัยคุกคามรอบด้าน





















