ช็อกวงการ! “แอน จักรพงษ์” ประกาศลาออกทุกตำแหน่ง JKN หลังโดน ก.ล.ต.ฟันหนัก
สรุปสถานการณ์ “JKN” เขย่าบริษัท! แอน จักรพงษ์ และพิมพ์อุมา ลาออกจากทุกตำแหน่ง หลัง ก.ล.ต. กล่าวโทษกรณีตกแต่งบัญชี
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับวงการธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า “แอน จักรพงษ์” และ “พิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์” ได้ยื่นหนังสือลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทอย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันเดียวกันนั้น หลังจากถูก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษในกรณีร่วมกันตกแต่งบัญชีและแสดงงบการเงินที่เป็นเท็จ
ปมร้อน: ก.ล.ต. ชี้ JKN แต่งงบการเงินปี 2566 – ไตรมาส 1 ปี 2567
ตามประกาศข่าวของ ก.ล.ต. หมายเลข 139/2568 ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ระบุว่า มีการกล่าวโทษบุคคลรวม 3 ราย ได้แก่
1. บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
2. นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ (แอน จักรพงษ์)
3. นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์
ต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยระบุว่าทั้งสามรายมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดที่เข้าข่ายการปั่นงบการเงิน ได้แก่
การลงข้อความเท็จในงบการเงิน
การจัดทำบัญชีที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน หรือไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง
- การสร้างรายการเจ้าหนี้ปลอมและลูกหนี้ปลอม
- การบันทึกบัญชีลิขสิทธิ์ที่ไม่สมเหตุสมผล
- โดยมีการตั้งข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชีว่า มีการซื้อลิขสิทธิ์รายการซ้ำกับสิทธิที่ยังไม่หมดอายุ และการซื้อที่เกินความจำเป็น ทั้งที่บริษัทอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง
เหตุผลการลาออก และผลกระทบต่อบริษัท
แอน จักรพงษ์ และ พิมพ์อุมา ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ผู้บริหาร และคณะกรรมการชุดย่อยทั้งหมดของ JKN เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และลดแรงกดดันต่อกระบวนการตรวจสอบที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งนี้บริษัทได้แจ้งว่ากำลังรอผลการตรวจสอบพิเศษ (Special Audit) จากผู้สอบบัญชีอิสระที่ได้รับมอบหมาย
“การลาออกของผู้บริหารทั้งสองราย ส่งผลให้ JKN ต้องเร่งจัดประชุมคณะกรรมการเพื่อกำหนดแนวทางบริหารใหม่ในภาวะวิกฤต”
— แถลงการณ์จากบริษัท JKN
ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจาก ก.ล.ต.
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังระหว่างปี 2563 – 2566 พบว่า
สินทรัพย์ประเภทลิขสิทธิ์ของ JKN เพิ่มขึ้นผิดปกติ
รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ต่ำกว่าที่ควร ทั้งที่มียอดลูกหนี้การค้าที่สูง
มีการจัดทำงบการเงินโดยเจตนาให้บุคคลภายนอกเข้าใจผิดในสถานะการเงินของบริษัท
มีความพยายามใช้เจ้าหนี้ปลอมในการลงคะแนนเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ
พฤติกรรมเหล่านี้เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 312 และ 281/10 ประกอบมาตรา 300 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ผลทางกฎหมายและความน่าเชื่อถือ
การที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหารระดับสูง ทำให้ทั้งแอนและพิมพ์อุมา หมดสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนใด ๆ จนกว่าคดีจะสิ้นสุดตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องผ่านการสอบสวนของ DSI, การพิจารณาของอัยการ และการพิพากษาจากศาล
ก.ล.ต. เดินหน้าขยายผล – DSI รับลูก
ก.ล.ต. ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายผลการตรวจสอบไปยังธุรกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับ JKN โดยจะประสานกับ DSI อย่างใกล้ชิด และจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อผลการสอบสวนแล้วเสร็จ
มุมมองจากนักลงทุนและตลาด
การกล่าวโทษและลาออกของผู้บริหารระดับสูง ส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างหนักต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยหุ้นของ JKN มีแนวโน้มผันผวนรุนแรง พร้อมแรงเทขายจากทั้งรายย่อยและสถาบัน
บทสรุป: จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ JKN
เคสนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท JKN ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ระดับโลกและมีภาพลักษณ์โดดเด่นในด้านการลงทุนด้านคอนเทนต์ การที่ผู้ก่อตั้งอย่าง “แอน จักรพงษ์” ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรง เป็นบทเรียนที่สะท้อนถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลภายในที่เข้มงวด และความโปร่งใสทางบัญชีในธุรกิจจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
















