วงการนางงามสะเทือน! มิสแกรนด์ฝรั่งเศสสละมง รองอันดับ 3 แฉโดนดูหมิ่น-ถูกบล็อกติดต่อ
ดราม่าสะเทือนเวทีนางงาม! "ซาฟิเอตู คาเบงเกเล" มิสแกรนด์ฝรั่งเศส สละตำแหน่งรองอันดับ 3 MGI กลางกระแสดราม่า อ้างถูกดูหมิ่น-ไร้การให้เกียรติ ขอตัดขาดเพื่อรักษาศักดิ์ศรี
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนในวงการนางงามระดับโลก เมื่อ “ซาฟิเอตู คาเบงเกเล” (Safiétou Kabengele) มิสแกรนด์ฝรั่งเศส 2024 และเจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 3 ของเวที Miss Grand International (MGI) ประกาศขอสละตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ผ่านคลิปวิดีโอที่โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียส่วนตัว เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ท่ามกลางความตกตะลึงของแฟนนางงามทั่วโลก
แม้จะเพิ่งเกิดกรณีดราม่าการปลด “ราเชล คุปตะ” (Rachel Gupta) เจ้าของตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 ไปก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน แต่เรื่องราวของซาฟิเอตูกลับยิ่งทวีความเข้มข้น เพราะเธอไม่ได้เพียงแค่ “ขอสละตำแหน่ง” เท่านั้น แต่ยังเปิดโปงถึงการปฏิบัติที่เธอระบุว่า "ไม่ให้เกียรติ" และ "ดูหมิ่นศักดิ์ศรี" จากทางองค์กรอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณสะเทือนองค์กร MGI อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จุดเริ่มต้นของการสละตำแหน่ง: ความเงียบที่เจ็บปวด
ในคลิปวิดีโอที่ซาฟิเอตูโพสต์ลงบน Instagram และ TikTok ส่วนตัว เธอพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบแต่แฝงความเจ็บปวดว่า “การตัดสินใจเดินออกมาครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ฉันทำเพื่อ เคารพตัวเอง” พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลาที่เธอครองตำแหน่งรองอันดับ 3 เธอ ไม่เคยได้รับการติดต่อใดๆ จากทางองค์กรเลย การสื่อสารถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง และสิ่งที่เธอรู้สึกมากที่สุดคือ “ไม่มีคุณค่า ไม่มีเกียรติ และไม่ถูกรับฟัง”
คำพูดของเธอทำให้แฟนคลับนางงามต่างประเทศหลายรายถึงกับคอมเมนต์ว่า "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินแบบนี้จากผู้เข้าประกวด MGI" ขณะที่อีกหลายเสียงตั้งคำถามว่า “MGI ปฏิบัติกับสาวงามภายใต้ตำแหน่งอย่างไร?” และ “เกิดอะไรขึ้นภายในองค์กร?”
การเปิดโปงที่สั่นสะเทือน: เมื่อคำว่า ‘ความฝัน’ กลายเป็น ‘ความผิดหวัง’
ซาฟิเอตูเล่าว่า เธอเข้าสู่เวที Miss Grand International ด้วยความหวัง และเชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผู้หญิงจากทั่วโลกได้เปล่งประกาย เสนอความคิดเห็น และทำประโยชน์เพื่อสังคม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอคือ การเงียบงันและความเย็นชา จากผู้ที่ควรจะสนับสนุนเธอในฐานะตัวแทนระดับโลก
“ฉันไม่ได้คาดหวังความหรูหรา แต่ฉันคาดหวัง ความเคารพในความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีในฐานะตัวแทนประเทศ” ซาฟิเอตูกล่าวอย่างหนักแน่น
ทำไมการสละตำแหน่งครั้งนี้จึงสำคัญ?
แม้การสละตำแหน่งของผู้เข้าประกวดนางงามจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กรณีของซาฟิเอตูกลับแตกต่างออกไป เพราะเธอไม่ได้แค่สละ แต่เธอกำลัง "พูดความจริง" ที่หลายคนอาจเคยเผชิญแต่ไม่กล้าเปิดเผย และที่สำคัญ เธอเป็นคนผิวดำในวงการที่ยังมีความเหลื่อมล้ำเรื่องเชื้อชาติอยู่บ้างในบางบริบท การที่เธอกล้าออกมาเรียกร้องศักดิ์ศรีของตนเอง จึงเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชมว่า "กล้าหาญและทรงพลัง"
ปฏิกิริยาในโลกโซเชียล: สงสารและสะเทือนใจ
หลังจากคลิปของเธอเผยแพร่ออกไป ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แฮชแท็ก #SupportSafietou และ #MGIDrama ก็ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายใน Twitter และ TikTok หลายคนแชร์ประสบการณ์ในอดีตของผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ ที่เคยเจอเหตุการณ์คล้ายคลึงกันกับซาฟิเอตู ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ไม่มีการสนับสนุนจริงจังหลังจบประกวด หรือถูกปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติหลังเวที
ผู้ใช้งาน TikTok รายหนึ่งคอมเมนต์ว่า “ความเงียบที่องค์กรมอบให้เธอ มันดังยิ่งกว่าคำพูดใดๆ” ขณะที่ผู้ใช้ Instagram รายหนึ่งกล่าวว่า “เธอทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ศักดิ์ศรีของผู้หญิงไม่ควรถูกลดค่าเพียงเพราะตำแหน่ง”
แล้ว MGI จะตอบโต้อย่างไร?
จนถึงขณะนี้ (6 มิถุนายน 2568) ทางองค์กร Miss Grand International ยังไม่มีการแถลงหรือชี้แจงใด ๆ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกรณีของซาฟิเอตู และการสละตำแหน่งของเธอ ทำให้ยิ่งเพิ่มความคลุมเครือในสายตาของสาธารณชนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่เบื้องหลังเวทีระดับโลกนี้
การที่องค์กรเลือก “นิ่งเงียบ” แทนที่จะออกมาชี้แจงหรือให้ข้อมูลใด ๆ อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ MGI ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ความโปร่งใสและการเคารพสิทธิมนุษยชนกำลังเป็นหัวใจสำคัญในเวทีระดับโลก
ไม่ใช่แค่เวทีนางงาม แต่คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
การออกมาพูดของซาฟิเอตูทำให้หลายคนตระหนักว่า เวทีนางงามในยุคปัจจุบัน ไม่ควรเป็นเพียงเรื่องความสวยงามภายนอก แต่ควรเป็นเวทีที่ให้โอกาสผู้หญิงได้เปล่งเสียงของตนเอง และได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างแท้จริง
เรื่องราวของซาฟิเอตูไม่ใช่แค่ดราม่าในวงการบันเทิง แต่มันสะท้อนให้เห็นถึง “ช่องว่าง” และ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ของเวทีประกวดที่อาจยังต้องการการปฏิรูปทั้งในเชิงระบบและวัฒนธรรมองค์กร
บทสรุป: เสียงเล็กๆ ที่ดังก้องในวงการนางงาม
แม้การสละตำแหน่งของซาฟิเอตู คาเบงเกเล อาจทำให้เธอสูญเสียสถานะบนเวทีระดับโลก แต่กลับเป็นการ "ยืนหยัด" ในฐานะผู้หญิงที่กล้าเผชิญหน้ากับระบบที่เธอมองว่าไม่ยุติธรรม
“ฉันอาจไม่ได้ครองตำแหน่งอีกต่อไป แต่ฉันยังคงครองใจตัวเอง” – ประโยคปิดท้ายจากเธอในคลิปวิดีโอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงหลายคนทั่วโลกกล้าที่จะลุกขึ้นมาปกป้องตัวตนของตนเอง และไม่ยอมจำนนต่อระบบที่ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเธอเป็น
และนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในโลกนางงาม ที่เสียงของสาวงามจะไม่ใช่แค่รอยยิ้มบนเวที แต่คือพลังที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง













