ทำไม 12 ประเทศนี้ถึงถูกแบนจากสหรัฐฯ ภายใต้คำสั่งห้ามเดินทางของทรัมป์
...เล่าเรื่อง:
“ทำไม 12 ประเทศนี้ถึงถูกแบนจากสหรัฐฯ ภายใต้คำสั่งห้ามเดินทางของทรัมป์ – เมื่อความมั่นคงมาก่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
สวัสดีครับทุกคน วันนี้...มีเรื่องราวที่น่าสนใจและสะเทือนระดับโลกมาเล่าให้ฟัง เป็นอีกหนึ่งบทของนโยบายที่ “ทรัมป์” กลับมาใช้ซ้ำหลังจากห่างหายไปนาน กับสิ่งที่เรียกว่า คำสั่งห้ามเดินทาง (Travel Ban) ซึ่งครั้งนี้แรงกว่าเดิม ครอบคลุมมากกว่าเดิม และกระทบหลายประเทศที่หลายคนอาจไม่คาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
🛂 จุดเริ่มต้น: คำสั่งห้ามเดินทางฉบับทรัมป์ 2.0
ย้อนกลับไปปี 2017 สมัยทรัมป์เพิ่งขึ้นเป็นประธานาธิบดี เขาเคยออกคำสั่งห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศสหรัฐฯ จนเกิดกระแสต้านแรงทั่วโลก ชาวอเมริกันบางส่วนก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะมันดูเหมาเข่งและมีอคติทางศาสนาอย่างชัดเจน
เวลาผ่านไปเกือบ 8 ปี ทรัมป์กลับมาสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งในปี 2025 และคำสั่งห้ามเดินทางก็กลับมาพร้อมกัน แต่ครั้งนี้ขยายจากแค่ 7 ประเทศเป็น 12 ประเทศที่ถูกแบนแบบเต็มตัว และอีก 7 ประเทศที่โดนจำกัดบางส่วน
🧾 รายชื่อประเทศที่ถูกห้ามเดินทาง (เต็มรูปแบบ 12 ประเทศ)
- อัฟกานิสถาน
- เมียนมา (พม่า)
- ชาด
- สาธารณรัฐคองโก
- อิเควทอเรียลกินี
- เอริเทรีย
- เฮติ
- อิหร่าน
- ลิเบีย
- โซมาเลีย
- ซูดาน
- เยเมน
ประเทศเหล่านี้ถูกแบนแบบ “เต็มระบบ” คือพลเมืองของประเทศเหล่านี้จะ ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้เลย ไม่ว่าจะมาเที่ยว มาศึกษา หรือมาทำงาน ยกเว้นบางกรณีที่เฉพาะเจาะจงมาก
🔍 แล้วทรัมป์อ้างเหตุผลว่าอะไร?
คำตอบง่าย ๆ สั้น ๆ คือ “ความมั่นคงแห่งชาติ”
แต่ถ้าขยายความ ก็คือ:
- ประเทศเหล่านี้ถูกมองว่า ไม่มีระบบยืนยันตัวตนประชาชนที่น่าเชื่อถือ
- หรือมีประวัติว่า ปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายใช้ประเทศเป็นฐานปฏิบัติการ
- บางประเทศ ไม่ยอมรับคนของตัวเองกลับหลังถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ
- และบางที่มีอัตราการ อยู่เกินวีซ่า สูงผิดปกติ (อย่างลาว และเฮติ)
ยกตัวอย่างเช่น โซมาเลียกับเยเมน ถูกมองว่าเป็นแหล่งฟูมฟักของกลุ่มหัวรุนแรง อิหร่านก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ตึงเครียดมานาน ขณะที่เฮติ โดนเพราะการล่มสลายของระบบรัฐและความรุนแรงภายในประเทศที่ควบคุมไม่ได้
⚠️ 7 ประเทศที่โดนจำกัดบางส่วน
- บุรุนดี
- คิวบา
- ลาว
- เซียร์ราลีโอน
- โตโก
- เติร์กเมนิสถาน
- เวเนซุเอลา
ประเทศกลุ่มนี้ยังสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้ แต่ต้อง ผ่านมาตรการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น หรืออาจถูกจำกัดประเภทของวีซ่าที่ขอได้ เช่น อาจไม่ได้วีซ่าทำงานหรือถาวร
💬 ทรัมป์พูดอะไร?
ทรัมป์บอกชัดว่า “เราจะไม่ยอมให้คนจากประเทศที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้แน่ชัด เข้ามาในอเมริกาอีกต่อไป”
เขายังกล่าวอีกว่า “พวกเขา (รัฐบาลต่างประเทศ) ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับเรา แล้วทำไมเราต้องยอมให้พวกเขาส่งคนมาอเมริกาด้วย?”
เรียกได้ว่า ทรัมป์วางกรอบนโยบายไว้ว่า ความมั่นคงของอเมริกาต้องมาก่อน แม้ว่าจะถูกมองว่าเหยียดชาติพันธุ์ หรือเลือกปฏิบัติ
📣 เสียงสะท้อนจากนานาชาติ
บอกเลยว่าเรื่องนี้จุดกระแส “แตกเป็นสองขั้ว” อีกครั้ง:
- ฝ่ายสนับสนุน (โดยเฉพาะกลุ่มสายขวาในสหรัฐฯ) มองว่านี่คือ มาตรการที่ควรทำตั้งนานแล้ว เพื่อปกป้องประเทศ
- ฝ่ายคัดค้านกลับมองว่าเป็น นโยบายเหยียดเชื้อชาติในคราบความมั่นคง และจะยิ่งผลักดันให้คนจากประเทศเหล่านี้ยิ่งแค้นเคืองและเสี่ยงก่อการร้ายมากขึ้น
บางคนยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมไม่มีประเทศอย่าง ซาอุดีอาระเบีย หรือปากีสถาน อยู่ในลิสต์ ทั้งที่มีประวัติพัวพันกับเหตุการณ์ร้ายแรงในอดีต?
✈️ แล้วคนธรรมดาได้รับผลกระทบยังไง?
...อยากให้มองลึกไปอีกว่า คนที่โดนผลกระทบไม่ใช่แค่ “ผู้ต้องสงสัยหรือคนไม่ดี” แต่ยังมี:
- นักเรียนต่างชาติที่กำลังจะเรียนต่อในสหรัฐฯ
- ครอบครัวที่แยกจากกัน และหวังจะกลับมารวมตัวกัน
- ผู้ลี้ภัยจากสงครามที่ไม่มีที่ไป
- คนที่รอคิววีซ่ามาหลายปีเพราะต้องการชีวิตที่ปลอดภัย
บางคนหมดหวังไปเลย เพราะคำสั่งฉบับนี้บังคับใช้เร็วมาก ภายในไม่กี่วันหลังประกาศ📌
สรุปส่งท้าย
คำสั่งห้ามเดินทางของทรัมป์ฉบับล่าสุด เป็นมากกว่านโยบายควบคุมพรมแดน
มันคือภาพสะท้อนของแนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” ที่ยังฝังรากอยู่ลึกในสายตาผู้นำสหรัฐฯ คนนี้
12 ประเทศที่ถูกแบน อาจจะมีปัญหาภายในจริง
แต่คำถามคือ “การแบนแบบเหมาเข่ง” นี้คือทางออกจริงหรือเปล่า
สุดท้ายโลกเราจะเดินไปทางไหน ต้องมีทั้ง ดุลยพินิจและความเข้าใจ
และคำถามก็ยังคงอยู่… ความมั่นคง กับความเป็นมนุษย์ – อะไรมาก่อนกัน?
อ้างอิงจาก: bbc cnn









