อดีตพระพรหมเมธีกลับไทย หลังลี้ภัย 7 ปี คาดเตรียมสู้คดีเงินทอนวัด
อดีตพระพรหมเมธี วัย 84 ปี เตรียมเดินทางกลับประเทศไทยหลังลี้ภัยในเยอรมนี 7 ปี คาดเข้ากระบวนการสู้คดีเงินทอนวัด
วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568 – กลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง เมื่อมีรายงานว่า พระจำนงค์ ธัมมจารี หรือที่รู้จักกันในนาม "อดีตพระพรหมเมธี" เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี หลังลี้ภัยอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีตั้งแต่ปี 2561 ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคดีสำคัญที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการคณะสงฆ์ไทยในยุคปัจจุบัน
การเดินทางกลับไทยหลังลี้ภัยยาวนาน
ตามข้อมูลจากผู้สื่อข่าว อดีตพระพรหมเมธีมีกำหนดออกเดินทางจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาในประเทศไทยประมาณ 17.00 น. โดยคาดว่าจะเดินทางถึงประเทศไทยในช่วงเช้าของวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 06.30 น.
การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเดินทางกลับบ้านเกิดเท่านั้น แต่ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรม หลังจากที่อดีตพระพรหมเมธีตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งเป็นคดีที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวพันกับบุคคลในระดับสูงของวงการสงฆ์และหน่วยงานราชการหลายฝ่าย
จุดเริ่มต้นของคดีเงินทอนวัด
คดีเงินทอนวัดเริ่มเป็นที่รู้จักในสังคมไทยเมื่อช่วงปี 2560-2561 โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานด้านการปราบปรามการทุจริต ได้ตรวจสอบงบประมาณที่จัดสรรให้วัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และพบว่ามีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนวัดโดยไม่มีการใช้งานจริงในบางกรณี หรือมีการนำเงินที่ได้จากรัฐมาแบ่งคืนให้เจ้าหน้าที่หรือผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเรียกกันว่า "เงินทอนวัด"
กรณีของอดีตพระพรหมเมธีถือเป็นหนึ่งในคดีสำคัญ เนื่องจากท่านเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในมหาเถรสมาคม (มส.) และมีบทบาทสำคัญในคณะสงฆ์สายธรรมยุต โดยมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดสำคัญในกรุงเทพมหานคร
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่าอดีตพระพรหมเมธีมีส่วนพัวพันกับการรับเงินอุดหนุนวัดที่ผิดปกติ และมีหลักฐานเชื่อมโยงถึงการกระทำผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ทำให้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับและเริ่มกระบวนการติดตามตัวตั้งแต่ปี 2561
การลี้ภัยและการถอดถอนสมณศักดิ์
หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว อดีตพระพรหมเมธีได้เดินทางออกนอกประเทศ และขอลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี ซึ่งทางการไทยได้พยายามยื่นคำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากทางการเยอรมนีมองว่าเป็นคดีที่มีลักษณะของการเมืองแฝงอยู่ด้วย และให้สถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองแก่พระพรหมเมธี
แม้จะลี้ภัยออกนอกประเทศ แต่ในประเทศไทยกระบวนการสอบสวนและพิจารณาโทษก็ยังคงดำเนินไปตามลำดับ ในปี 2561 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนพระพรหมเมธีออกจากสมณศักดิ์ ซึ่งถือเป็นมาตรการทางวินัยสงฆ์สูงสุด และเป็นการสิ้นสุดสถานภาพทางศาสนาอย่างเป็นทางการ
บุคคลสำคัญในวงการสงฆ์
อดีตพระพรหมเมธี หรือพระจำนงค์ ธัมมจารี เป็นพระเถระที่มีบทบาทสำคัญในวงการพระพุทธศาสนาไทย โดยเป็นที่รู้จักในฐานะพระนักพัฒนา และมีลูกศิษย์จำนวนมากทั่วประเทศ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองในปี พ.ศ. 2553 และมีบทบาทสำคัญในการบริหารงานของคณะสงฆ์สายธรรมยุตในหลายภาคของประเทศไทย
แม้จะมีข้อกล่าวหาในภายหลัง แต่ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง ท่านเคยมีผลงานด้านการพัฒนาและฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และยังมีบทบาทในด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม การส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ตลอดจนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ
ความคาดหวังและข้อถกเถียงในสังคม
การกลับมาของอดีตพระพรหมเมธีครั้งนี้ ได้จุดกระแสการถกเถียงในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง บางฝ่ายมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ต้องหาจะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและแสดงความบริสุทธิ์ ในขณะที่อีกหลายฝ่ายกังวลว่าอาจมีเบื้องหลังทางการเมืองหรือแรงกดดันบางประการที่ทำให้เจ้าตัวยอมเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงเวลานี้
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีว่าอาจล่าช้า หรือได้รับอิทธิพลจากบุคคลที่มีอำนาจ ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส และคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาอย่างเต็มที่
บทสรุป
ไม่ว่าอดีตพระพรหมเมธีจะมีความผิดจริงหรือไม่ การเดินทางกลับประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ของกระบวนการยุติธรรม และเป็นโอกาสที่จะคลี่คลายปมปัญหาที่สะสมมากว่า 7 ปี ขณะเดียวกัน ก็เป็นบทเรียนสำคัญให้กับสังคมไทยในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจในวงการศาสนาและรัฐอย่างรอบคอบ
อนาคตของอดีตพระพรหมเมธีจะเป็นอย่างไร ยังต้องรอการตัดสินจากศาลยุติธรรม แต่ที่แน่ชัดคือการเดินทางกลับไทยของท่านในวันนี้ ได้กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาไทยในยุคปัจจุบัน






















