เมาแล้วกร่าง! ฝรั่งตบผู้หญิงกลางถนน เจอชายไทยยกพวกจัดหนักจนสลบ
นักท่องเที่ยวต่างชาติเจอดี! เมาแล้วตบผู้หญิงในร้าน โดนชายไทยรุมสกรัมกลางซอยบางลา ภูเก็ต ชาวเน็ตเสียงแตก วิจารณ์ยับทั้งสองฝ่าย
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 เพจ “โหดจัง จังหวัดภูเก็ต” ได้เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกลางซอยบางลา ย่านป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยในคลิปความยาวประมาณ 22 วินาที ได้แสดงให้เห็นกลุ่มชายไทยจำนวนหลายคนรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 ราย โดยทั้งสองคนนั้นถูกเตะต่อยจนสลบแน่นิ่งอยู่กับพื้นกลางซอย สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่พบเห็นและกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ต้นตอของเหตุการณ์ – นักท่องเที่ยวเมาแล้วก่อเหตุไม่เหมาะสม
ตามรายงานเบื้องต้นจากผู้เห็นเหตุการณ์ และข้อมูลที่เพจดังกล่าวแนบมา ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งสองราย มีพฤติกรรมมึนเมาอย่างหนัก ก่อนจะก่อเหตุใช้ความรุนแรงด้วยการ “ตบผู้หญิง” ภายในร้านอาหารหรือสถานบันเทิงในบริเวณนั้น
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของคนไทยจำนวนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ โดยหนึ่งในนั้นไม่สามารถทนเห็นผู้หญิงถูกทำร้ายได้ จึงตัดสินใจเข้าไปแทรกแซง ก่อนจะกลายเป็นการกรูเข้ารุมทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวทั้งสองราย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และนอนสลบอยู่บริเวณริมถนน
ปฏิกิริยาในโลกออนไลน์ – เสียงแตกเป็นสองขั้ว
หลังจากคลิปถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ได้มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยแบ่งออกเป็นสองมุมมองที่ชัดเจน
มุมมองที่ 1 – เห็นด้วยกับการจัดการนักท่องเที่ยวที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม
หลายคอมเมนต์แสดงความสะใจ พร้อมชื่นชมกลุ่มชายไทยที่กล้าออกมาปกป้องผู้หญิงจากความรุนแรง โดยให้เหตุผลว่า "คนไทยต้องไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรี" หรือ "ใครจะมาเปรตใส่คนไทยต้องเจอแบบนี้" พร้อมมีผู้ระบุว่าสิ่งที่เกิดฝขึ้นนี้คือ “การจัดระเบียบให้กับนักท่องเที่ยวไร้คุณภาพ”
บางความเห็นก็สะท้อนความคับข้องใจต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่มักเมา เสพยา หรือก่อเหตุไม่เหมาะสมในแหล่งท่องเที่ยวไทย โดยระบุว่า:
"อยากให้มีแบบนี้ทุกคืนต่อไป คนก็จะน้อยลง นักท่องเที่ยวก็จะเริ่มไปที่อื่น ปัญหาแบบนี้ก็จะลดลงเอง เอาเลยครับ จัดกันให้หนักๆ ไปเลย ชอบๆ"
"มันไม่เกี่ยวกับวีซ่าเลย มันอยู่ที่คน"
"คนไทยต้องอย่ายอม ตัวไหนมาเปรตๆ ต้องกระทืบมัน มันต้องอย่างนี้ครับ ยำตีนนี้อิ่มไปอีกนาน"
มุมมองที่ 2 – วิจารณ์ความป่าเถื่อน และห่วงภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
ในขณะเดียวกัน ก็มีชาวเน็ตอีกกลุ่มที่แสดงความกังวลต่อพฤติกรรมรุมทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้น โดยเห็นว่าแม้การที่นักท่องเที่ยวกระทำผิดควรได้รับโทษ แต่การรุมประชาทัณฑ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสม และอาจทำลายภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวโลก
คอมเมนต์หนึ่งระบุว่า:
“นับวันยิ่งป่าเถื่อนขึ้นทุกวัน ภูเก็ตตอนนี้หมดความสวยงามเพราะความเห็นแก่ตัวของกลุ่มคนบางกลุ่ม ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป การท่องเที่ยวมีแต่เสียกับเสีย แขกคุณภาพก็จะไม่มาเที่ยวอีกต่อไป เพราะตอนนี้ภูเก็ตมีทุกอย่าง ทั้งยาเสพติด ทั้งแรงงานเถื่อน”
อีกคนแสดงความเห็นว่า:
“นักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวจริงๆ เลยไม่มา เพราะว่าเจอแบบนี้ไม่ปลอดภัยเลย”
ทั้งนี้มีบางความเห็นที่เสนอให้ทางการเร่งจัดระเบียบในพื้นที่ซอยบางลา ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงสำคัญของจังหวัดภูเก็ต แต่มีปัญหาสะสมมายาวนาน ทั้งเรื่องยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย นักท่องเที่ยวมึนเมา และการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง
ซอยบางลา – พื้นที่เสี่ยงที่หลายฝ่ายจับตามอง
ซอยบางลาในพื้นที่ป่าตอง ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต เต็มไปด้วยบาร์ ผับ และสถานบันเทิงมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดที่มักเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและปัญหาสังคมอยู่บ่อยครั้ง
หลายปีที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นและผู้ประกอบการเคยออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐจัดระเบียบและควบคุมกิจกรรมในพื้นที่นี้ให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังพบปัญหาซ้ำซาก
ประเด็นที่ควรถาม – เราควรแก้ไขปัญหาแบบไหน?
กรณีนี้อาจไม่ใช่เรื่องขาว-ดำอย่างชัดเจน เพราะแม้นักท่องเที่ยวจะเป็นฝ่ายเริ่มใช้ความรุนแรง แต่การรุมทำร้ายโดยกลุ่มคนจำนวนมากก็เข้าข่ายทำผิดกฎหมายเช่นกัน สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าควบคุมสถานการณ์ และใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินคดีอย่างเหมาะสม
สิ่งที่น่ากังวลคือหากพฤติกรรมเช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภูเก็ตอาจกลายเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวรู้สึก “ไม่ปลอดภัย” ไม่ใช่เพียงเพราะโจรหรือยาเสพติด แต่รวมถึงความรุนแรงจากประชาชนทั่วไปที่อาจกระทำโดยไม่มีกรอบของกฎหมาย
สรุป
เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงหลายปัญหาที่ฝังรากลึกในแหล่งท่องเที่ยวไทย ทั้งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไร้คุณภาพ ความขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในการควบคุมพื้นที่ และการตัดสินปัญหาด้วยความรุนแรงโดยประชาชนบางกลุ่ม
สิ่งสำคัญคือ เราควรใช้โอกาสนี้ในการทบทวนและพัฒนาแนวทางการจัดการแหล่งท่องเที่ยวอย่างมีระบบ โดยเฉพาะการส่งเสริมความปลอดภัยให้กับทุกฝ่าย ทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทย
เพราะ “การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ไม่สามารถอยู่บนความเกลียดชัง ความรุนแรง หรือความไร้ระเบียบได้





















