"โป๊ะอีกแล้ว! ไฮโซเก๊บอส หลอกน้ำฝนนางงามดัง เปิดวาร์ปตัวจริง เห็นแล้วถึงกับอึ้ง!"
เปิดโปงพฤติกรรม "ไฮโซเก๊บอส" หลอกอดีตมิสแกรนด์ร่วมลงทุน สูญเงินนับล้าน ตำรวจเร่งออกหมายจับ
เรื่องราวของ "ไฮโซเก๊บอส" หรือ นายเอกพล ประจันทร์นวล วัย 38 ปี กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับอย่างเป็นทางการ ฐาน ร่วมกันฉ้อโกง และ แอบอ้างเบื้องสูง หลังมีผู้เสียหายหลายรายทยอยเปิดเผยเรื่องราวการถูกหลอกให้ลงทุน โดยเฉพาะกรณีของ “น้ำฝน” อดีต มิสแกรนด์สิงห์บุรี และมารดา ที่สูญเงินไปร่วม กว่า 2 ล้านบาท
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ “น้ำฝน” และแม่ ได้รับการชักชวนจากชายที่อ้างตัวว่าเป็น “ไฮโซโปรไฟล์หรู” อ้างตัวรู้จักผู้มีอิทธิพลในสังคม มีคอนเน็กชั่นระดับสูง ใช้ชีวิตหรูหรา ขับรถหรูมีขบวนบอดี้การ์ดติดตาม โชว์ภาพความร่ำรวยผ่านโซเชียล และมีการใช้เอกสารราชการปลอมประกอบคำพูดเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ
น้ำฝนเปิดเผยผ่านรายการชื่อดัง “โหนกระแส” ว่า ชายคนดังกล่าวเข้ามาตีสนิทผ่านแอปไลฟ์ พร้อมกับอวดฐานะและพฤติกรรมที่ดูจริงใจ เช่น พาเธอกับแม่ไปเลี้ยงข้าว ให้ของขวัญ รวมถึงเปย์ด้วยบัตร ATM ที่มีวงเงินสูง พร้อมแสดงบัญชีธนาคารที่มีเงินหมุนเวียนระดับ ร้อยล้านบาท อย่างต่อเนื่องทุกวัน
ธุรกิจจำนำรถและลงทุนขายที่ดิน สู่จุดพัง
จากความน่าเชื่อถือที่ปลอมแปลงมาอย่างแนบเนียน “น้ำฝน” และแม่จึงตัดสินใจลงทุนใน ธุรกิจจำนำรถ และขายที่ดิน รวมถึงโปรเจกต์ธุรกิจรถเช่าที่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นกิจการใหญ่ในฝั่ง “ปอยเปต” และให้ผลตอบแทนสูงถึง 15% ต่อสัปดาห์
จากเงินหลักแสนในช่วงแรก น้ำฝนและแม่ค่อย ๆ เพิ่มวงเงินลงทุนจนรวมแล้วสูงกว่า 2 ล้านบาท โดยที่ไม่มีการคืนเงินเลยแม้แต่บาทเดียว กลับถูกขอยืมเพิ่มเรื่อย ๆ ด้วยข้ออ้างว่าใกล้จะได้เงินก้อนโตในเร็ววัน
ความหวังพังทลาย สู่การแจ้งความ
เมื่อเห็นว่าการลงทุนไม่มีความคืบหน้า และเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ น้ำฝนจึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องทั้งหมดผ่านรายการ “โหนกระแส” พร้อมกับแม่ ซึ่งหลังจากรายการออกอากาศ “กัน จอมพลัง” ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมพาเหยื่อเข้าแจ้งความต่อ สถานีตำรวจนครบาลบวรมงคล
พ.ต.อ. นิธิ ชาญประสิทธิ์ผล ผกก. สน.บวรมงคล เปิดเผยว่า ได้มีการออกหมายจับ นายเอกพล หรือบอส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเร่งรัดการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยพบว่านายเอกพลมีหมายจับติดตัวในอีก 3 คดี ที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ และยังมีผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมอีก 1 คน คือ พี่สาว ของนายเอกพล ซึ่งมีบทบาทเป็นผู้รับโอนเงิน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าพี่สาวของผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในบางส่วนมาตั้งแต่ปี 2565 และยังให้การปฏิเสธในบางประเด็น โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังประสานการทำงานกับตำรวจในพื้นที่อื่น ๆ และมีแผนประชุมร่วมเพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวทั้งสองคน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเตรียมส่งหนังสือถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าเงินที่อยู่ในบัญชีของนายบอสเป็นของเขาจริง หรือเป็นเงินที่มาจากเหยื่อรายอื่น
ประเด็น "แอบอ้างเบื้องสูง" อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ในส่วนของข้อหา “แอบอ้างเบื้องสูง” ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม หากพบว่ามีการกระทำผิดตามกฎหมาย จะดำเนินคดีเพิ่มเติมในทันที
พ.ต.อ. นิธิ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเขาเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งผู้กำกับ สน.บวรมงคลได้เพียง 2 เดือน และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายเอกพลจาก “กัน จอมพลัง” ซึ่งมีข้อมูลชัดเจนว่าเป็นผู้มีพฤติกรรมหลอกลวงในหลายพื้นที่
น้ำฝนเปิดเผยว่า แม้คดีจะเกิดขึ้นมานานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจน เธอจึงหวังว่าการออกหมายจับครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษโดยเร็ว พร้อมทั้งระบุว่า เธอไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกังวลในเรื่องความปลอดภัย เพราะผู้ต้องหาไม่เคยข่มขู่ มีแต่อวดรวยและขอเงินเพิ่มเท่านั้น
ถูกกดดันให้ถอนแจ้งความ?
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ น้ำฝนเผยว่า พี่สาวของนายเอกพลเคย ขอให้ถอนแจ้งความ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายแนะนำในทำนองเดียวกัน โดยอ้างว่าการดำเนินคดีจะเป็นไปได้ยากขึ้นหากยังคงแจ้งความไว้เช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมถอนแจ้งความ และยืนยันที่จะเดินหน้าต่อเพื่อความยุติธรรม
“กัน จอมพลัง” เดินหน้าประสานทุกพื้นที่
ด้าน “กัน จอมพลัง” ยืนยันว่า ขณะนี้ได้ประสานงานกับตำรวจในหลายพื้นที่ ทั้ง สน.ดอนเมือง, สน.โคกขาม, สน.บวรมงคล รวมถึง กองปราบปราม ซึ่งทุกหน่วยงานเห็นตรงกันว่าจะต้องเร่งดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก
สังคมออนไลน์ขุดประวัติ "ไฮโซเก๊บอส"
ในโลกโซเชียล เพจชื่อดังอย่าง “ท่านเป่า” ได้สรุปพฤติกรรมของ “ไฮโซเก๊บอส” ไว้อย่างน่าสนใจ พร้อมเปิดวาร์ปเพิ่มเติม โดยระบุว่า ชายคนนี้แสดงตัวว่าเป็น “ไฮโซจากฝั่งปอยเปต” และอ้างว่าเป็น บุตรบุญธรรมของผู้นำประเทศหนึ่ง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด
เขาใช้วิธี "โอ้อวดความรวย" เป็นเครื่องมือ เช่น โชว์บัญชีเงินสดจำนวนมหาศาล เปย์หนัก พาไปกินข้าวหรู พร้อมบอดี้การ์ดประกบ จนเหยื่อตายใจ และร่วมลงทุนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายในการหลอกเหยื่อระดับไฮโซ ดารา และคนในเครื่องแบบหลายราย ซึ่งไม่กล้าเปิดเผยตัวเพราะความอับอาย
น้ำฝนจึงตัดสินใจออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเตือนสังคม ไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันอีก
สรุป
คดีนี้สะท้อนถึงภัยร้ายในยุคดิจิทัล ที่มิจฉาชีพสามารถสร้างภาพลักษณ์หรูหราและใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงคนได้อย่างแนบเนียน ขอให้ประชาชนทุกคนมีสติ และอย่าหลงเชื่อบุคคลที่ใช้ “ความร่ำรวย” เป็นเครื่องมืออ้างความน่าเชื่อถือ และหากพบเห็นพฤติกรรมคล้ายคลึง ควรรีบแจ้งความกับเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด
อ้างอิงจาก: ภาพจากFB ท่านเปา และ รายการโหนกระแส














