ทรัมป์-แอฟริกาใต้-และข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: เมื่อทวีตเดียวสะเทือนทั้งโลก
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้...ขอพาไปเจาะลึกดราม่าระดับโลกที่เริ่มจากแค่ทวีตเดียวของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ลุกลามกลายเป็นประเด็นถกเถียงระดับนานาชาติ นั่นคือข้อกล่าวหาเรื่อง “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวแอฟริกาใต้ผิวขาว” ที่เขาโพสต์ลงทวิตเตอร์อย่างเร่งด่วนเมื่อปี 2018 ซึ่งต่อมาแม้สถานการณ์จะเงียบลง แต่ในช่วงการเลือกตั้งรอบใหม่และนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ หัวข้อนี้ก็กลับมาอีกครั้ง
วันนี้...จะพาไปไล่เรียงข้อเท็จจริง ข้อโต้แย้ง และความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นจริงในแอฟริกาใต้ และข้อกล่าวหาของทรัมป์มีน้ำหนักแค่ไหนค่ะ
🔥 จุดเริ่มต้น: ทวีตที่สั่นสะเทือนแอฟริกาใต้
ย้อนกลับไปช่วงเดือนสิงหาคม 2018 ทรัมป์ได้โพสต์ว่าเขาได้ขอให้ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้น “ศึกษาการยึดครองที่ดินและการฆาตกรรมเกษตรกรในแอฟริกาใต้อย่างใกล้ชิด”
“South African Government is now seizing land from white farmers. South African Government is killing white farmers.”
ข้อความนี้สร้างแรงสะเทือนในหลายแวดวง โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และประเทศแอฟริกาใต้เอง รัฐบาลแอฟริกาใต้ถึงกับต้องเรียกทูตอเมริกันไปขอคำอธิบาย พร้อมกับออกแถลงการณ์ว่า “ไม่มีการสังหารหมู่ หรือการยึดที่ดินอย่างไม่เป็นธรรม” อย่างที่ทรัมป์กล่าวอ้าง
🔎 อะไรคือ “ฟาร์มเมอร์ผิวขาว” และความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์
เพื่อให้เข้าใจประเด็นนี้ ต้องย้อนกลับไปช่วงยุคล่าอาณานิคมและระบบแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ที่เพิ่งสิ้นสุดเมื่อปี 1994 ประเทศแอฟริกาใต้เคยมีการกระจุกตัวของที่ดินในมือชาวผิวขาว โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งควบคุมที่ดินมากกว่าร้อยละ 70 ในขณะที่ประชากรผิวดำส่วนใหญ่แทบไม่มีที่ดินเป็นของตัวเองเลย
หลังยุค Apartheid รัฐบาลแอฟริกาใต้พยายามดำเนินนโยบายปฏิรูปที่ดินให้เท่าเทียมมากขึ้น เช่น การเวนคืนที่ดินโดยจ่ายค่าชดเชย หรือโครงการกระจายที่ดินให้ชาวผิวดำ แต่กระบวนการกลับล่าช้าและซับซ้อน
ในช่วงหลัง เริ่มมีการพูดถึง “การเวนคืนที่ดินโดยไม่จ่ายค่าชดเชย” ซึ่งกลายเป็นหัวข้อร้อนในสภา และเปิดช่องให้คนบางกลุ่ม (โดยเฉพาะจากฝั่งขวาจัดในสหรัฐฯ) อ้างว่านี่คือการ “ตอบโต้ชนกลุ่มน้อยผิวขาว” จนนำมาสู่ข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
🧠 ข้อเท็จจริงว่าไง?
องค์กรตรวจสอบข้อมูลหลายแห่ง เช่น Africa Check, BBC, และ Genocide Watch ออกมาระบุชัดว่า “ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่ามีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวผิวขาวในแอฟริกาใต้”
- มีการโจมตีฟาร์มเกิดขึ้นจริง ส่วนมากเป็น อาชญากรรมที่เกี่ยวกับการปล้นสะดม โดยมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่ไม่ได้มุ่งเป้าชาวผิวขาวเพียงกลุ่มเดียว
- สถิติของตำรวจแอฟริกาใต้ในปี 2023 ระบุว่า การโจมตีในฟาร์มมีจำนวนน้อยลง และเหยื่อเป็นได้ทั้งผิวขาวและผิวดำ
- นักวิจัยด้านอาชญาวิทยาชี้ว่า แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่คือผลประโยชน์ ไม่ใช่ความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
🗣️ แล้วทำไมทรัมป์ถึงพูดแบบนั้น?
นักวิเคราะห์การเมืองระบุว่า การเล่นประเด็น “ชาวผิวขาวถูกคุกคาม” เป็นแนวทางที่กลุ่มขวาจัดบางกลุ่มในสหรัฐฯ ใช้ดึงคะแนนเสียงจากฐานเสียงผิวขาว โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าตัวเองถูกเพิกเฉยจากระบบโลกาภิวัตน์
นอกจากนี้ ในยุคทรัมป์ รัฐบาลของเขามีแนวโน้มใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศเป็น “เครื่องมือทางการทูต” เช่นเดียวกับกรณีจีน ฮ่องกง และอิหร่าน โดยที่บางครั้งก็อ้างสิทธิมนุษยชนในบริบทที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง
🇿🇦 ฝั่งแอฟริกาใต้ตอบโต้ยังไง?
ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีว่า ทรัมป์ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ในประเทศอย่างแท้จริง
“เรากำลังแก้ไขปัญหาที่เกิดจากระบบอาณานิคมและ Apartheid ไม่ใช่การทำร้ายใคร แต่เป็นการคืนความเป็นธรรม”
นอกจากนี้ สื่อในแอฟริกาใต้หลายแห่งยังระบุว่า ข้อกล่าวหาของทรัมป์อาจเป็น “การแทรกแซงอธิปไตย” และเป็นการโหมกระแสที่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
🎯 สรุปแบบบ้าน ๆ
- มีอาชญากรรมเกิดขึ้นในฟาร์มแอฟริกาใต้จริง แต่ไม่ได้เจาะจงผิวขาว และไม่ได้เป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ตามที่ทรัมป์กล่าว
- ข้อกล่าวหาเหล่านั้นขาดหลักฐาน และถูกปฏิเสธจากทั้งรัฐบาลแอฟริกาใต้และนักวิชาการสากล
- เบื้องหลังคำกล่าวของทรัมป์ อาจสะท้อนการเมืองภายในของสหรัฐฯ มากกว่าความห่วงใยต่อสิทธิมนุษยชนจริง ๆ
📌 สุดท้าย ...อยากฝากไว้ว่า…
โลกทุกวันนี้ข่าวสารหมุนเร็วและซับซ้อน อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งใดเพียงเพราะ “ใครบางคนพูดเสียงดัง” เพราะบางครั้งเสียงที่ดังที่สุด… ไม่ได้แปลว่าจริงที่สุด
หากคุณชอบบทความแบบนี้ อย่าลืมกดติดตามเพจ...ไว้นะคะ ❤️ เราจะพาไปเปิดโลกข่าวต่างประเทศแบบรู้จริงทุกวันค่ะ
อ้างอิงจาก: bbc cnn












