เศรษฐกิจไทยกำลังถดถอย?
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
กำลังเผชิญกับบททดสอบที่สำคัญ แม้จะยังไม่ถึงขั้น "วิกฤต" ตามนิยามที่รุนแรง แต่ก็อยู่ในภาวะ "เปราะบาง" และเต็มไปด้วย "ความท้าทาย" ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด การคาดการณ์ GDP ปี 2568 จากหลายสำนักวิเคราะห์ รวมถึงสภาพัฒน์ ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีค่ากลางประมาณ 1.8% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น
สัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเปราะบางและถดถอย
-กำลังซื้อภายในประเทศหดตัว อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกำลังซื้อของประชาชน หลายครัวเรือนมีภาระผ่อนชำระหนี้มาก ทำให้มีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายอุปโภคบริโภคน้อยลง
คุณฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทยระบุว่า "ภาพรวมกำลังซื้อธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 อ่อนตัวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในไตรมาสแรกที่กำลังซื้อตกลงกว่า 40% ผู้บริโภคลดการทานอาหารนอกบ้านหรือไปทานในร้านลงอย่างเห็นได้ชัด บางคนลดความถี่จากเดิมที่เคยทาน 4-5 วันต่อสัปดาห์ เหลือเพียงเดือนละ 1 ครั้ง หรือลดลงถึง 95% นอกจากนี้ ยังลดปริมาณการสั่งและระดับราคาเมนูที่เคยสั่งลง เช่น จากเคยสั่ง 5 อย่าง เหลือ 3 อย่าง และเปลี่ยนจากเครื่องดื่มราคาแพงเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมแทน"
-ภาคการส่งออกเผชิญแรงกดดัน โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น อันเป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆจากนโยบายที่ส่งผลเสียทั้งทางตรงและทางออกและกับประเทศไทยนั่นก็คือนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯโดยทรัมป์ หรือที่เรียกว่านโยบาย "ทรัมป์ 2.0"
-นโยบาย "ทรัมป์ 2.0" ทำให้เกิดสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น เช่น เรื่องมาตรการภาษีนำเข้า
แม้ล่าสุดจะมีรายงานว่าศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตัดสินว่าคำสั่งเรียกเก็บภาษีในวงกว้างของทรัมป์ในอดีตนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสินค้าบางประเภทอย่างจักสานที่เคยถูกเรียกเก็บภาษี แต่กระบวนการทางกฎหมายยังไม่สิ้นสุด และหากทรัมป์กลับมา เขาก็อาจออกมาตรการใหม่ๆ ได้อีก
นอกจากนี้ยังมีปัญหาภายในประเทศที่อาจจะเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย ซึ่งก็คือปัญหาการคอรัปชั่น การบริหารงานของภาครัฐ และการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ เกิดการจัดสรรงบประมาณที่ผิดพลาด ความล่าช้าในระบบราชการ และการขาดความต่อเนื่องของนโยบาย
เป็นเหตุให้ส่งผลถึงการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และทำให้งบประมาณแผ่นดินรั่วไหล ไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง




















