แอนแทรกซ์: โรคจากเนื้อดิบที่ซ่อนตัวในความเคยชิน – บทเรียนจากชายวัย 53 ปี
เมื่อ "แผลตุ่ม" กลายเป็น "สัญญาณเตือนอันตราย"
วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เวลา 16.45 น. เสียงโทรศัพท์ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วดังก้องขึ้นพร้อมข่าวสำคัญ — พบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์รายแรกในจังหวัด
ชายวัย 53 ปี จากตำบลท่าแยก อำเภอเมืองสระแก้ว มีอาชีพรับจ้างตัดไม้ เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี ด้วยอาการที่ดูเผิน ๆ อาจไม่สะดุดตาใคร — ตุ่มแผลที่ศีรษะ คอ แขน และขา แต่สำหรับทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ มันคือ "ลายเซ็น" ของเชื้อร้ายที่ชื่อว่า Bacillus anthracis – เชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของโรคแอนแทรกซ์
หลังตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการ ผลที่ออกมาคือ “พบเชื้อแอนแทรกซ์ในแผล”
ผู้ป่วยรายนี้ ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้สัมผัสสารเคมีอันตราย แต่มีประวัติชัดเจนอย่างหนึ่งที่ตรงเป้าอันตรายของโรคนี้พอดี — เขาบริโภคเนื้อดิบเป็นประจำ และเพิ่งกินก้อยดิบ ซอยจุ๊ เมื่อไม่ถึงสัปดาห์ก่อน
แอนแทรกซ์คืออะไร ทำไมเนื้อดิบถึงน่ากลัว?
แอนแทรกซ์ (Anthrax) ไม่ใช่โรคใหม่ มันคือโรคติดเชื้อรุนแรงที่เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Bacillus anthracis พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว ควาย แพะ แกะ และสามารถติดสู่คนได้ — โดยเฉพาะถ้าสัมผัสหรือกิน เนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อโดยไม่ผ่านความร้อน
รูปแบบของโรคแอนแทรกซ์ในคนมี 3 แบบใหญ่ ๆ คือ
-
แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง – พบบ่อยที่สุด (ราว 95%) เกิดจากสัมผัสเชื้อโดยตรง มักเริ่มจากแผลแดง บวม คัน แล้วพองเป็นตุ่มหนอง ก่อนกลายเป็นแผลดำตรงกลางล้อมด้วยอาการบวมแดง
-
แอนแทรกซ์ทางทางเดินอาหาร – มาจากการกินเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อโดยไม่ปรุงสุก ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ท้องเสียรุนแรง และอาจเสียชีวิตภายในไม่กี่วัน
-
แอนแทรกซ์ทางการหายใจ – อันตรายที่สุด เกิดจากการสูดสปอร์ของเชื้อที่ล่องลอยในอากาศ (พบในอุตสาหกรรมขนสัตว์หรือซากสัตว์) มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90%
สำหรับกรณีของชายวัย 53 ปีรายนี้ เข้าข่าย “แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง” แต่พฤติกรรมบริโภคเนื้อดิบ ทำให้มีความเสี่ยงต่อแบบ “ทางเดินอาหาร” ด้วย
จากพฤติกรรมเคยชิน สู่โรคอันตราย
พฤติกรรมบริโภค “ก้อยดิบ ซอยจุ๊ ลาบเลือด” เป็นวัฒนธรรมการกินในหลายภูมิภาคของไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท หรือกลุ่มแรงงาน แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ... สัตว์ที่นำมาชำแหละอาจติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการใด ๆ ปรากฏ
เมื่อเนื้อสัตว์เหล่านั้นไม่ได้ผ่านความร้อนเพียงพอ เชื้อโรค — โดยเฉพาะ Bacillus anthracis — ก็สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้โดยตรง
แอนแทรกซ์ไม่แพร่จากคนสู่คน แต่ความเร็วของโรค และพิษร้ายของเชื้อ ทำให้ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
กรณีนี้ แพทย์คาดว่าผู้ป่วยติดเชื้อจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้รับการปรุงสุก และเป็นสัตว์ที่มีเชื้อแอนแทรกซ์อยู่ก่อนหน้า
แผนเฝ้าระวังเข้มข้นในพื้นที่
วันที่ 2 มิถุนายน 2568 ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เตรียมส่งทีมสอบสวนโรคจากกลุ่มควบคุมโรคติดต่อร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น:
-
สาธารณสุขอำเภอเมืองสระแก้ว
-
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
-
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด
-
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เป้าหมายคือ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ที่อาจสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง และตรวจสอบแหล่งจำหน่ายเนื้อสัตว์หรือการชำแหละที่อาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ
บทเรียนจากแผลดำ – ทางรอดจากแอนแทรกซ์อยู่ที่การรู้เท่าทัน
กรณีผู้ป่วยแอนแทรกซ์รายนี้ อาจไม่ใช่รายสุดท้าย หากเรายังละเลยพฤติกรรมเสี่ยง
แม้ “ก้อยดิบ” จะเป็นอาหารจานโปรดในบางพื้นที่ แต่มันคืออาหารจานเสี่ยงที่อาจจบด้วยชีวิต
การป้องกันโรคนี้จึงไม่ใช่แค่การรักษา — แต่คือการ “เปลี่ยนพฤติกรรม”
-
หลีกเลี่ยงเนื้อดิบโดยเด็ดขาด
-
อย่าชำแหละหรือบริโภคสัตว์ที่ป่วยหรือตายเอง
-
หากมีบาดแผลแปลก ๆ คัน เป็นตุ่มดำ อย่ารอ ให้รีบพบแพทย์ทันที
-
หากพบสัตว์ตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งปศุสัตว์หรือหน่วยงานท้องถิ่น ไม่ควรฝังเอง
ผู้ป่วยแอนแทรกซ์รายแรกของจังหวัดสระแก้ว อาจไม่ใช่แค่ตัวเลขในรายงานประจำวัน
แต่คือเสียงเตือนว่า “สุขภาพของเราเริ่มต้นที่พฤติกรรมการกิน”
เพราะบางครั้ง สิ่งที่เราทำซ้ำ ๆ โดยไม่คิด อาจพาเราไปถึงแผลที่รักษาไม่ได้... แม้จะเริ่มจากแค่ “ตุ่มแผลเล็ก ๆ” ก็ตาม
ข้อมูจาก Drama-addict : https://shorturl.asia/jkfCA










