“ฉลาดโบก โง่เรียกแอป” แท็กซี่โพสต์แรง โซเชียลเดือดจัด!
ดราม่าแท็กซี่ลุกเป็นไฟ! กลุ่มคนขับจวก “คนฉลาดโบกรถ คนฉลาดน้อยเรียกแอปฯ” โซเชียลสวนกลับเดือด โบกแล้วไม่ไป เสียเวลาเปล่ามาหลายปี!
ดูเหมือนประเด็นดราม่าเรื่อง “แท็กซี่” จะไม่เคยหายไปจากหน้าฟีดของชาวโซเชียลเลยสักวัน และล่าสุดโลกออนไลน์ก็ลุกเป็นไฟอีกครั้งในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 หลังกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “รวมพลคนขับแท็กซี่ (ประเทศไทย)” ได้โพสต์ข้อความที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก
ข้อความนั้นมีใจความชวนให้ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน โดยเปรียบเทียบว่า “คนฉลาดคือคนที่โบกรถแท็กซี่ ส่วนคนฉลาดน้อยคือคนที่ใช้แอปเรียกรถ” พร้อมให้เหตุผลว่าการโบกแท็กซี่สามารถขึ้นได้ทันที ไม่เสียเวลา ส่วนการใช้แอปนั้นมีโอกาสโดนเท โดนยกเลิก และบางครั้งก็เสียเงินมากกว่า
“คนฉลาด – โบกรถแท็กซี่ ขึ้นรถได้ทันที ประหยัดเวลาทำธุระ
คนฉลาดน้อย – จองรถในแอป เสียเวลารอ บางทียังโดนยกเลิก และแพงกว่าด้วย”
ชาวเน็ตระเบิดความในใจ! โบกแล้วไม่ไปนี่ของจริง
ทันทีที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ก็มีชาวเน็ตนับพันคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นสวนกลับอย่างดุเดือด หลายคนบอกว่า ตัวเอง เคยเจอประสบการณ์โบกแท็กซี่แล้วถูกปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน บางคนยืนโบกแท็กซี่เกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่มีใครรับ บ้างก็บอกว่าแท็กซี่บางคันแสดงท่าทีไม่อยากรับผู้โดยสาร หรือขับผ่านไปเฉยๆ แม้เห็นชัดเจนว่าโบกอยู่ริมทาง
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า
“เคยยืนโบกแท็กซี่ตอนฝนตกหนักหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โบก 10 คันไม่มีใครรับสักคน สุดท้ายต้องเปิดแอปเรียกผ่าน Grab ถึงจะได้กลับบ้าน”
อีกคนหนึ่งเสริมว่า
“โบกแล้วได้ก็โชคดี แต่ส่วนใหญ่โดนเท ต้องถามก่อนว่าจะไปมั้ย จะขึ้นมั้ย ไปทางไหน ถ้าไม่ใช่เส้นทางที่เขาชอบก็ไม่รับ ถึงจะใช้มิเตอร์ก็ไม่เปิด ขึ้นรถมาแล้วเงียบกริบ เล่นมือถือตลอด เสี่ยงตลอดทาง”
ประเด็นร้อนขึ้นอีก! เมื่ออินฟลูเอนเซอร์สาวทดลองเรียกแท็กซี่ในชีวิตจริง
กระแสดราม่าถูกโหมกระพือแรงขึ้นอีกเมื่อ Ketmanee Bualuang อินฟลูเอนเซอร์สาวคนดัง ได้โพสต์คลิปลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเธอสวมบทบาทเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทดลองเรียกรถแท็กซี่จากจุดหนึ่งไปยังย่านสยาม ซึ่งระยะทางเพียงประมาณ 10 กิโลเมตร
ผลลัพธ์ที่ได้ช็อกทั้งโลกโซเชียล! เพราะแท็กซี่ทุกคันที่เธอโบก ปฏิเสธการใช้มิเตอร์ทั้งหมด และพยายามเสนอราคาค่าโดยสารแบบเหมา โดยไม่มีการอิงตามกฎหมายเลยแม้แต่น้อย
คันแรกเรียก 200 บาท
คันที่สองเสนอ 300 บาท
และคันสุดท้ายหนักสุดขอถึง 700 บาท!
“ขอโทษนะคะ… คือแค่นั่งไปสยามไม่ใช่เชียงใหม่” – คำพูดเหน็บแนมจากคอมเมนต์หนึ่งที่กลายเป็นไวรัลตามคลิปของ Ketmanee
คลิปไวรัลแฉพฤติกรรมจริงของแท็กซี่บางกลุ่ม
คลิปวิดีโอของ Ketmanee กลายเป็นไวรัลในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง มีคนแชร์ต่อมากกว่า 50,000 ครั้ง พร้อมเสียงชื่นชมมากมายที่เธอกล้าทำคอนเทนต์เปิดโปงปัญหาที่คนไทยเผชิญมานานอย่างแท้จริง หลายคนถึงกับบอกว่า เธอคือ “ตัวแทนของประชาชน” ที่พูดแทนใจผู้ใช้บริการรถแท็กซี่ในเมืองหลวง
ผู้ใช้รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “นี่คือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่หันไปใช้แอป เพราะโดนแบบนี้มาหลายปี เจอเหมา เจอไม่เปิดมิเตอร์ เจอไม่รับบ้างล่ะ แล้วจะให้โบกได้ยังไง?”
อีกความเห็นหนึ่งแสดงความเจ็บปวดว่า
“เป็นผู้หญิงกลับบ้านตอนดึก โบกรถแท็กซี่กลัวมาก กลัวโดนเท กลัวโดนพาไปที่อื่น แอปคือทางรอดเดียวที่มีระบบติดตามตำแหน่ง แถมยังรู้ชื่อคนขับล่วงหน้าอีกต่างหาก”
แม้ข้อความของกลุ่มรวมพลคนขับแท็กซี่จะตั้งใจประชดประชันหรืออาจเป็นเพียงแค่การแสดงออกทางอารมณ์ของคนในอาชีพ แต่การนำคำว่า “คนฉลาด” กับ “คนฉลาดน้อย” มาเปรียบเทียบเชิงเหยียดเช่นนี้ ทำให้สังคมตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า แท็กซี่ในไทยเข้าใจบริบทของผู้โดยสารจริงหรือไม่
เพราะความจริงคือ ผู้โดยสารจำนวนมากไม่มีตัวเลือกอื่น พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันเพราะการโบกแท็กซี่ริมถนนนั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ในสถานการณ์จริง อีกทั้งยังไม่มีระบบใดๆ ที่ปกป้องความปลอดภัยได้ดีเท่าการใช้บริการผ่านแอปที่มีข้อมูลบันทึกทุกอย่าง
อีกหนึ่งคำถามสำคัญที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือ “แล้วภาครัฐอยู่ที่ไหน?” เพราะปัญหาเรื่องแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร เรียกเงินเหมา ไม่ใช้มิเตอร์ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมไม่เหมาะสมของคนขับนั้นเกิดขึ้นมานานเป็นสิบปี แต่ไม่เคยมีมาตรการเด็ดขาดใดๆ ที่แก้ปัญหาได้จริงจัง
มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า “แท็กซี่ไทยไม่ใช่ไม่มีคนดีนะ แต่คนแย่ๆ ที่ไม่เคารพผู้โดยสารกลับไม่มีใครจัดการ ไม่มีบทลงโทษชัดเจน แถมยังตั้งกลุ่มมาโพสต์ดูถูกคนใช้แอปอีก แบบนี้ใครจะกล้าใช้บริการ?”
ดราม่าแท็กซี่ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเพียงบาดแผลเดิมที่ถูกกรีดซ้ำซากโดยพฤติกรรมซ้ำๆ ของแท็กซี่บางกลุ่ม การที่คนขับบางคนเลือกจะ “ตำหนิ” ผู้โดยสารว่า “ฉลาดน้อย” เพียงเพราะเขาเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่า มีระบบรองรับ และสามารถตรวจสอบได้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่ย้อนแย้งกับคำว่า “บริการ”
ท้ายที่สุด…
ไม่ว่าจะเป็นการโบกริมถนน หรือเรียกผ่านแอป
สิ่งที่ผู้โดยสารต้องการไม่ใช่แค่รถ แต่คือ “ความปลอดภัย ความตรงต่อเวลา และการเคารพซึ่งกันและกัน”
และหากวันที่ “แท็กซี่ไทย” อยากได้ความไว้ใจคืนกลับมา
อาจต้องเริ่มจากคำว่า “บริการ” ไม่ใช่ “ประชดประชัน”









