ฮุน เซน ปิดเพจเฟซบุ๊กไม่ให้คนไทยเห็น หลังแฉชัด! ช่องบกคือของกัมพูชา
ด่วน! สมเด็จฮุน เซน ตอบโต้แรง ปมช่องบก แฉคนไทยบางกลุ่มจงใจปลุกปั่น-สร้างความตึงเครียด ก่อนเฟซบุ๊กถูกบล็อกในไทย
สถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชาเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีผู้อยู่ในอำนาจยาวนานกว่า 30 ปี ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง เกี่ยวกับกรณีความขัดแย้งบริเวณ “ช่องบก” หรือ “สามเหลี่ยมมรกต” ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวระหว่างสองประเทศ
ประเด็นร้อน “กลุ่มหัวรุนแรงไทย” โพสต์โจมตีในเฟซบุ๊ก
ในโพสต์ดังกล่าว สมเด็จฮุน เซน อ้างว่า มีกลุ่มหัวรุนแรงชาวไทยจำนวนหนึ่งได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงหมิ่นประมาท และแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมในหน้าเฟซบุ๊กของเขา โดยเจตนาเพื่อลดทอนความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองชาติ และอาจนำไปสู่การสร้างความขัดแย้งทางทหาร
“สิ่งที่เกิดขึ้นคือการพยายามปลุกปั่นความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น และหวังผลให้เกิดความไม่สงบระหว่างสองประเทศ” – สมเด็จฮุน เซน ระบุอย่างชัดเจนในโพสต์
สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวหาว่ามีคนไทยบางกลุ่มเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่บริเวณช่องบก ซึ่งเขายืนยันว่าเป็นดินแดนของกัมพูชาโดยชอบธรรม พร้อมทั้งชี้แจง 3 ประเด็นหลัก เพื่อแสดงจุดยืนของกัมพูชาอย่างเด็ดขาดในเรื่องนี้
3 ประเด็นยืนยัน “ดินแดนกัมพูชา” ไม่ถอนทหารตามข้อเรียกร้องไทย
1. พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตคือของกัมพูชา
สมเด็จฮุน เซน ระบุว่า ทหารกัมพูชาได้ประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนข้อตกลงสันติภาพปารีส และก่อนการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมไทย-กัมพูชา (MoU) ปี 2000 โดยเขายังกล่าวว่า องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (UNTAC) สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ เขายังเสนอว่า หากไทยไม่เชื่อมั่นในข้อมูลดังกล่าว ทั้งสองประเทศสามารถนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ณ กรุงเฮก โดยใช้แผนที่ที่เป็นทางการและได้รับการรับรองจากนานาชาติ ไม่ใช่แผนที่ที่วาดขึ้นเพื่ออ้างสิทธิ์โดยฝ่ายเดียว
2. ภาพถ่ายจากอดีตเป็นหลักฐานชัดเจน
สมเด็จฮุน เซน กล่าวอีกว่า เขาเคยเดินทางไปเยือนพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตกับภรรยาและผู้ติดตามเมื่อกว่า 15 ปีก่อน และมีการถ่ายภาพขณะสวมเครื่องแบบทหาร ณ พื้นที่นั้น ซึ่งเป็นการยืนยันว่า เป็นดินแดนของกัมพูชาโดยแท้จริง เพราะไม่มีทางที่เขาจะกล้าแต่งเครื่องแบบทหารถ่ายภาพในดินแดนของไทยหรือของลาว
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้ต้อนรับเจ้าหน้าที่ทหารจากประเทศลาวในห้องพิธีการบริเวณนั้นอีกด้วย
3. กัมพูชาจะไม่ถอนทหารเพียงเพราะไทยร้องขอ
สมเด็จฮุน เซน กล่าวย้อนถึงเหตุการณ์ในปี 2554 ซึ่งขณะนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย และเคยหารือกับเขาต่อหน้าประธานาธิบดีอินโดนีเซียในช่วงวิกฤติปราสาทพระวิหาร โดยเสนอให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม สมเด็จฮุน เซน ปฏิเสธข้อเสนออย่างชัดเจน โดยระบุว่า “ไม่มีทางที่เราจะถอนทหารออกจากดินแดนของตนเองได้” และเรียกร้องให้ไทยถอนกำลังที่เขาเรียกว่า “ผู้รุกราน” ออกไปโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
ชี้เหตุการณ์เมื่อ 3 วันก่อนเป็นส่วนหนึ่งของแผนยึดดินแดน
ในช่วงท้ายของโพสต์ สมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีรายงานการเคลื่อนไหวในพื้นที่ช่องบก โดยเขาเชื่อว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่เป็น “แผนการยึดครองดินแดนอย่างต่อเนื่อง” ที่ขับเคลื่อนโดยผู้บัญชาการระดับล่างของไทย และได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศ
เฟซบุ๊กฮุน เซนหายไปจากไทย! พบ “ถูกบล็อก IP” ผู้ใช้ต้องพึ่ง VPN
หลังจากโพสต์ของสมเด็จฮุน เซน เผยแพร่ออกไปประมาณ 3 ชั่วโมง ในเวลาราว 02.00 น. ของวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยหลายคนเริ่มพบว่าไม่สามารถเข้าถึงหน้าเพจเฟซบุ๊กของสมเด็จฮุน เซน ได้อีกต่อไป
เมื่อสื่อข่าวไทยทดลองเข้าเฟซบุ๊กโดยไม่ใช้ VPN พบว่าเพจดังกล่าวไม่ปรากฏให้เห็น แต่เมื่อทดลองใช้ VPN เปลี่ยนตำแหน่ง IP ไปยังประเทศอื่น กลับสามารถเข้าถึงเพจได้ตามปกติ นำมาสู่ข้อสันนิษฐานว่า ทางฝั่งกัมพูชาหรือเฟซบุ๊กอาจดำเนินการ “บล็อก IP จากประเทศไทย” ไม่ให้เข้าถึงเพจของเขา
สถานการณ์นี้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์ในหมู่ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียไทย โดยมีทั้งผู้ที่สนับสนุนการแบนเพจ และผู้ที่ตั้งคำถามถึงเสรีภาพในการรับข้อมูลข่าวสารข้ามพรมแดน
บทสรุป: ความตึงเครียดชายแดนยังไม่คลี่คลาย
จากกรณีดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณ “ช่องบก” ยังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยการเจรจาทางการทูตอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งต้องหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำหรือพฤติกรรมที่อาจปลุกปั่นความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย
การที่สมเด็จฮุน เซน ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน และการปิดกั้นการเข้าถึงเพจจากผู้ใช้งานในประเทศไทย อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ทั้งสองรัฐบาลต้องกลับมาเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสันติ ก่อนที่ความขัดแย้งจะลุกลามเกินควบคุม
สถานการณ์นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาชายแดนธรรมดา แต่ยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคงในภูมิภาคที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
หากคุณสนใจติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งช่องบกเพิ่มเติม หรืออยากทราบข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย โปรดติดตามข่าวจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และหลีกเลี่ยงการแชร์ข้อมูลที่อาจปลุกปั่นความเกลียดชังระหว่างประเทศ เพราะในท้ายที่สุด “มิตรภาพระหว่างประชาชน” คือกำแพงป้องกันสงครามที่ดีที่สุด

















