"ฮุนเซน" ท้า "ไทย" ขึ้นศาลโลก..ยันไม่ถอนทหาร เพราะพื้นที่ปะทะเป็นของเขมร
"ฮุนเซน" ท้า "ไทย" ขึ้นศาลโลก..ยันไม่ถอนทหาร เพราะพื้นที่ปะทะเป็นของเขมร สงสัยเรื่องนี้คงจะไม่จบง่ายๆ เมื่ออดีตนายกฯ เขมรอยากได้พื้นที่ประเทศไทยจนตัวสั่น ลั่น! จะให้ถอนทหารได้ยังไงในเมื่อจุดปะทะช่องบกเป็นดินแดนของตัวเอง พร้อมกับอ้างภาพที่เคยถ่ายเอาไว้กับเมียเมื่อ 15 ปีก่อน บอก UNTAC เป็นพยานได้ เขมรเคยประจำอยู่จุดนี้ก่อนมี MOU43 ด้วยซ้ำไป ทำไมไทยถึงจะมายึด ย้ำอีกว่าถ้ายังไม่ชัดเจนก็ให้ศาลโลกตัดสินเดี๋ยวก็รู้กันเหมือนกรณีประสาทพระวิหาร ที่อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์จะยึดให้ได้ ฮุนเซนโวยอีกว่านี่เป็นแผนการของไทยที่จะยึดดินแดนกัมพูชาอย่างแน่นอน
เรียกว่าช่วงนี้อดีตผู้นำเขมรก็นอนไม่หลับ ต้องออกมาโพสต์โซเชียลอยู่บ่อยๆ หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา บอกเลยว่างานนี้เขมรทุ่มหมดหน้าตัก ได้อาวุธมือสองจากจีนแถมยังสอนการรบให้อีกต่างหาก ไม่รู้เป็นอะไรสงสัยได้อาวุธใหม่และอยากปะทะ ล่าสุดก็เมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ทางเพจเฟซบุ๊ค “Samdech Hun Sen of Cambodia” ของ จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
ในเฟซบุ๊กผมถูกกลุ่มชาตินิยมจากไทยเข้ามาด่าทอ และกล่าวหาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งพวกนี้ตั้งใจจะทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศ ต้องการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังมีชาวไทยบางกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องให้กัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดที่ทหารกัมพูชาประจำการอยู่ และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดทางประวัติศาสตร์ ขอชี้แจง 3 ประเด็นดังต่อไปนี้:
1. พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต (บริเวณช่องบก) เป็นดินแดนของกัมพูชา ทหารกัมพูชาได้ประจำการอยู่ในพื้นที่นี้ตั้งแต่ก่อนข้อตกลงสันติภาพที่ปารีส ก่อนที่จะมีการบันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU2543) ประมาณ 13 หรือ 14 ปี ซึ่ง UNTAC (องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา) อาจเป็นพยานในเรื่องนี้ได้ และหากยังไม่ชัดเจน กัมพูชาและไทยสามารถตกลงกันนำข้อพิพาทนี้ พร้อมแนบแผนที่ทางการที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ (ไม่ใช่แผนที่ที่โจรวาดขึ้นเพื่อขโมยที่ดิน[หมายเหตุ-สำนวนแปลจากภาษากัมพูชา]) ไปยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่กรุงเฮก เพื่อยุติเรื่องนี้ ด้วยวิธีการดับไฟให้หมดเชื้อ ไม่ใช่แค่นั่งคอยปิดควันไฟ เพื่อความสุขและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนรุ่นอนาคต และไม่ให้เกิดเรื่องแบบขึ้นอีก
2. ภาพถ่ายหลายภาพที่ผมกับภริยา และผู้ร่วมงานได้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวเมื่อกว่า 15 ปีก่อน ถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ผมไม่มีทางใส่เครื่องแบบทหารเข้าไปถ่ายรูปในดินแดนของไทยหรือของลาวในบริเวณนั้นอย่างแน่นอน ที่จริงแล้วในตอนนั้น ผมได้ต้อนรับทหารลาวที่ศาลานี้ (ซึ่งถูกไฟไหม้ไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา)
3. กัมพูชาไม่สามารถถอนทหารออกจากดินแดนของตนเองตามข้อเรียกร้องของฝ่ายไทยได้ การกระทำเช่นนี้เป็นกลยุทธ์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยพูดกับผมต่อหน้าประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เมื่อปี 2554 ว่าให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหารพร้อมกัน ผมตอบกลับไปว่า ผมไม่สามารถถอนทหารออกจากแผ่นดินของตัวเองได้ ตรงกันข้าม ฝ่ายของท่านต่างหากที่ต้องถอนทหารผู้รุกรานออกไปโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตเมื่อ 3 วันก่อนเป็นเพียงเหตุการณ์ซ้ำๆ ของแผนการยึดครองดินแดนจากกัมพูชาที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้บังคับบัญชาทหารระดับล่างและได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มหัวรุนแรงของไทย
อย่างไรก็ตาม สงครามก็เพิ่งเริ่มขึ้น เรื่องนี้เขมรทุ่มสุดตัวและไม่จบง่ายๆ ถ้าไม่ได้พื้นที่ประเทศไทย ตอนนี้นักการเมืองไทยบางคนยังทำเป็นเงียบไม่ยอมปริปาก แต่ทางแม่ทัพภาคได้บอกไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องของอธิปไตยของไทย ถ้าไม่ทำอะไรก็ให้อยู่เฉยๆ เป็นหน้าที่ของทหารที่จะจัดการเรื่องนี้ พื้นที่ของไทยจะไม่ยอมให้ชาติใดมารุกราน โดยเฉพาะเพื่อนบ้านเหลี่ยมจัดอย่างเขมร



















