ทั่วโลกระวัง! โควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 แพร่เชื้อไว WHO เตือนอาจกลายเป็นระลอกใหญ่
🌍 WHO เตือนภัยโควิด-19 ระลอกใหม่! ระบาดหนัก 3 ภูมิภาคทั่วโลก 73 ประเทศเจอแล้ว จับตาสายพันธุ์ NB.1.8.1 แพร่เร็ว-หลบภูมิ
แม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และความตื่นตระหนกเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ดูเหมือนจะค่อยๆ จางหายไปจากชีวิตประจำวันของผู้คน แต่สถานการณ์ล่าสุดที่รายงานโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งสัญญาณเตือนครั้งสำคัญว่า โรคโควิด-19 ยังไม่จบ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายพันธุ์ย่อย NB.1.8.1 ที่กำลังกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ในการแพร่ระบาด
📌 สถานการณ์น่ากังวล: โควิดกลับมาระบาดใน 3 ภูมิภาคหลัก
จากรายงานของ WHO ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส SARS-CoV-2 เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคหลักของโลก ได้แก่
1. ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก
2. ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
3. ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
โดยมีอัตราการตรวจพบเชื้อพุ่งสูงขึ้นถึง 11% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 และยังไม่เคยพบระดับนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดความกังวลว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่กำลังเกิดขึ้นในวงกว้างอีกครั้ง
แม้ว่าภูมิภาคแอฟริกา ยุโรป และอเมริกา จะมีอัตราผลบวกยังคงต่ำกว่า (อยู่ที่ราว 2-3%) แต่บางพื้นที่ในภูมิภาคแคริบเบียนและแอนเดียนเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
🧬 NB.1.8.1: สายพันธุ์ย่อยใหม่จากตระกูลโอไมครอนที่ต้องจับตา
สายพันธุ์ NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของ XDV.1.5.1 ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก JN.1 อีกที โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม "สายพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวัง (Variant Under Monitoring - VUM)" เนื่องจากมีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการแพร่เชื้อ และการหลบภูมิคุ้มกัน
ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่า NB.1.8.1 เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 2.5% เป็น 10.7% ของลำดับพันธุกรรมที่ตรวจพบทั่วโลกภายในเพียง 4 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่รวดเร็วและควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
🔬 การกลายพันธุ์ที่น่ากังวล
V445H: อาจเพิ่มความสามารถในการจับกับตัวรับ ACE2 ของมนุษย์ ทำให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น
A435S: อาจลดประสิทธิภาพของแอนติบอดีบางชนิดในการต่อต้านไวรัส
T478I: อาจช่วยให้ไวรัสหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น
การกลายพันธุ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าสายพันธุ์ NB.1.8.1 มีศักยภาพในการแพร่กระจายที่สูงขึ้น และอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนและแอนติบอดีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
🌐 การระบาดในประเทศต่าง ๆ
🌏 ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก
อัตราผลบวกเพิ่มจาก 5% เป็น 11% ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ พบการระบาดเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ได้แก่:
จีน
ฮ่องกง
สิงคโปร์
กัมพูชา
🌅 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จาก 0.5% ขึ้นมาแตะ 5% โดยประเทศที่มีรายงานการระบาดชัดเจนคือ:
มัลดีฟส์
ประเทศไทย
โดยในประเทศไทย รายงานระดับชาติเผยว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสัปดาห์ที่ 16–20 ของปี
🌍 เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก
จาก 4% เพิ่มขึ้นเป็น 17% ก่อนจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 15% ณ กลางเดือนพฤษภาคม พบการระบาดใน:
อียิปต์
คูเวต
โอมาน
ซาอุดีอาระเบีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปากีสถาน
🏥 ข้อมูลผู้ป่วยยังจำกัด – ฤดูกาลการระบาดยังไม่ชัด
แม้การระบาดจะกลับมาเพิ่มขึ้น แต่ WHO ระบุว่ายังไม่มีรูปแบบ “ฤดูกาล” ที่ชัดเจนสำหรับโควิด-19 เหมือนโรคทางเดินหายใจบางชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่
นอกจากนี้ ยังขาดข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับ:
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล
ผู้ป่วยหนักในห้อง ICU
จำนวนผู้เสียชีวิต
ซึ่งทำให้ WHO ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขได้อย่างเต็มที่ในบางภูมิภาค
💉 วัคซีนยังจำเป็น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นมาตรการที่ลดลงในหลายประเทศ แต่ WHO เน้นย้ำว่า "วัคซีนโควิด-19 ยังมีบทบาทสำคัญในการลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิต" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์
📊 สถิติที่น่ากังวล
ข้อมูลช่วงเดือนมกราคม - กันยายน 2567 พบว่า:
ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนเพียง 1.68%
บุคลากรทางการแพทย์ได้รับวัคซีนเพียง 0.96%
WHO แนะนำให้ใช้วัคซีนแบบ Monovalent ที่มุ่งเป้าไปยังสายพันธุ์ IN.1 หรือ KP.2 เป็นวัคซีนหลักในการป้องกันปัจจุบัน พร้อมแนะนำไม่ควร “ละเลย” การฉีดวัคซีนเด็ดขาด
🛡 ข้อเสนอแนะจาก WHO
แม้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าสายพันธุ์ NB.1.8.1 หรือ LP.8.1 จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพมากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า แต่ WHO ยังคง “ประเมินความเสี่ยงต่อสาธารณสุขโลกในระดับสูง” และมีข้อเสนอแนะที่สำคัญต่อประเทศสมาชิกทุกแห่ง:
1. พัฒนาแนวทางจัดการโควิด-19 แบบบูรณาการ ให้เข้ากับระบบสาธารณสุขที่มีอยู่
2. เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ระบบที่หลากหลาย เช่น การตรวจคัดกรองเชิงรุก การถอดรหัสพันธุกรรม และการสอบสวนโรค
3. ส่งเสริมการเข้าถึงมาตรการทางการแพทย์ ทั้งวัคซีน ยา และระบบดูแลผู้ป่วย
4. สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันและรับมือกับการระบาดระลอกใหม่
📣 โควิด-19 ยังไม่จบ ต้องจับตาสายพันธุ์ NB.1.8.1 อย่างใกล้ชิด
การกลับมาของโควิด-19 ในช่วงกลางปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของไวรัสตัวนี้ที่ยังคงสามารถกลายพันธุ์และสร้างความเสี่ยงใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสายพันธุ์ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่ระบาดในวงกว้าง และแสดงสัญญาณหลบภูมิคุ้มกันและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
แม้ว่าเราจะอยู่ในยุคหลังการระบาดใหญ่ แต่ข้อมูลล่าสุดจาก WHO เตือนเราว่า “โควิด-19 ยังอยู่กับเรา” และ “การป้องกันตนเอง การฉีดวัคซีน และการติดตามข่าวสาร” ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับไวรัสนี้ในระยะยาว






















