จับคู่คนใกล้ตัว! “หมอเตย-ฉัตรชัย” ผัวเมียสายใกล้ชิดทิดแย้ม โดนรวบคาวัด
ขยายผลคดีทิดแย้ม! สองผัวเมียคนสนิท "หมอเตย-ฉัตรชัย" โดนรวบคาค่ายลูกเสือ ส่อเอี่ยวทุจริตเงินวัดไร่ขิงเกือบพันล้าน - "อดีตพระเลขา" โดนด้วย
คดีทุจริตเงินวัดไร่ขิงที่เขย่าวงการสงฆ์ไทยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ยังคงเดินหน้าเข้าสู่การขยายผลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุม นางพชรพร หรือ หมอเตย และ พันจ่าเอกฉัตรชัย สองสามีภรรยาที่ถูกระบุว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดคนสำคัญของ ทิดแย้ม หรือ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งกำลังเผชิญข้อกล่าวหายักยอกเงินวัดมูลค่ามหาศาล รวมแล้วเกือบ 1,000 ล้านบาท
การจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ ค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา ภายในพื้นที่มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นฐานปฏิบัติการและแหล่งเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอดีตเจ้าอาวาสมาโดยตลอด
ย้อนรอยคดีฉาว "ทิดแย้ม" ยักยอกเงินวัดเกือบพันล้าน โอนให้ "สีกาเก็น" ด้วยความเสน่หา
คดีนี้เริ่มต้นจากการตรวจสอบพฤติกรรมของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ที่ถูกเปิดโปงว่ามีการ นำเงินของวัดไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม รวมถึงโอนให้บุคคลภายนอกโดยไม่มีเอกสารรองรับ โดยเฉพาะกรณีการโอนเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทให้กับหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “สีกาเก็น” ซึ่งภายหลังพบว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาวและมีการซื้อทรัพย์สินหรูหรา เช่น บ้าน รถ และของใช้แบรนด์เนมในต่างประเทศให้สีการายนี้ด้วย
จากการขยายผลของเจ้าหน้าที่พบว่า เงินจำนวนดังกล่าวถูกดึงมาจากหลายช่องทาง ทั้ง เงินบริจาค, เงินประมูลร้านค้าในงานวัดประจำปี, และ รายได้จากร้านค้าสวัสดิการภายในวัด โดยที่ไม่มีการนำส่งบัญชีวัดตามระเบียบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแต่อย่างใด
หมอเตย-ฉัตรชัย สองผัวเมียที่ถูกระบุร่วมขบวนการ
จากการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การออกหมายจับ นางพชรพร หรือ หมอเตย และ พันจ่าเอกฉัตรชัย ซึ่งมีความสนิทสนมกับทิดแย้ม และได้รับบทบาทสำคัญในการบริหารกิจกรรมภายในวัดไร่ขิงก่อนเกิดเหตุ ทั้งสองคนถูกกล่าวหาว่า มีส่วนสนับสนุนการเบียดบังทรัพย์สินของวัด โดยร่วมกันจัดการบัญชีเงินที่ได้จากการประมูลร้านค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด แล้วนำเงินเหล่านั้นไปส่งมอบให้กับทิดแย้มโดยตรง
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับศาลอาญาเข้าควบคุมตัวทั้งสองรายในข้อกล่าวหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ในการจัดการทรัพย์สิน แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาร้ายแรงในหมวดกฎหมายต่อต้านการทุจริต
"อดีตพระเลขา" โผล่ร่วมขบวนการด้วย! ศาลออกหมายจับ-เตรียมอายัดตัว
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นพระเลขานุการของทิดแย้ม โดยพบว่าเขามีบทบาทสำคัญในการช่วยจัดการและดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ ของวัด ที่ไม่เข้าสู่ระบบบัญชีอย่างถูกต้อง
แม้ขณะนี้นายเอกพจน์จะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากคดีอื่นที่เคยต้องโทษไปก่อนหน้านี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ละเลย และอยู่ระหว่างการประสานอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมทันทีที่ได้รับอนุมัติหมายจับ
แผนทุจริตที่ซับซ้อนเชื่อมโยงหลายฝ่าย – กระทบศรัทธาอย่างหนัก
การเปิดโปงคดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีที่สะเทือนวงการพุทธศาสนาไทยอย่างรุนแรง เพราะไม่เพียงแต่มีอดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้กระทำความผิดหลัก แต่ยังพบว่ามีบุคคลใกล้ชิด ทั้งฆราวาสและอดีตพระภิกษุ เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเป็นขบวนการ
ความเสียหายมูลค่ารวมสูงเกือบ 1,000 ล้านบาท นี้ ไม่ได้เพียงสะเทือนศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และศูนย์รวมจิตใจของชาวนครปฐมมาอย่างยาวนาน
กระแสสังคม-ชาวบ้านเรียกร้องความโปร่งใส คืนความยุติธรรมให้พุทธศาสนา
จากการเปิดเผยข้อมูลล่าสุด มีประชาชนจำนวนมากในพื้นที่และบนโลกออนไลน์ เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเท่าเทียม และไม่ให้ผู้กระทำผิดได้รับสิทธิพิเศษเพราะฐานะทางศาสนาในอดีต หรือมีความใกล้ชิดกับผู้มีอิทธิพลในวงการสงฆ์
ในขณะเดียวกัน ก็มีการเรียกร้องให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปรับปรุงระบบการตรวจสอบบัญชีของวัดให้โปร่งใสมากขึ้น พร้อมกับส่งเสริมการอบรมพระภิกษุในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารทรัพย์สินของวัด
บทเรียนจากคดีวัดไร่ขิง: ความศรัทธาต้องมาควบคู่ความโปร่งใส
คดีทุจริตที่เกิดขึ้นในวัดไร่ขิงนี้ไม่เพียงเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ยังเป็น บทเรียนสำคัญของสังคมไทย ที่จะต้องตระหนักว่า ความศรัทธาในศาสนาไม่ควรถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด บุคคลในคราบนักบวชหรือผู้เกี่ยวข้องกับศาสนสถานต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและการตรวจสอบเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป
การดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการศาสนา เพื่อให้วัดกลับมาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนสามารถศรัทธาได้อย่างแท้จริง
#เลขเด็ด 1 พย.: วิเคราะห์สถิติหวยออก “1 พฤศจิกายน” ย้อนหลัง 10 ปี! ชี้ชัดเลข “85” ออกซ้ำบ่อย แนวทางงวดนี้
ศาลได้มีคำสั่งจำคุก “วิฑูรย์ นามบุตร” เป็นเวลา 3 ปี เนื่องจากมีการใช้ตำแหน่งเรียกรับเงินจำนวน 30 ล้าน บาท เพื่อแลกรับงานจากรัฐ
“มันหนึบ” กินแล้วคุมน้ำหนักได้จริงหรือ?
ทึ่งทั่วไทย : ธนบัตร 500,000 บาท – สัญลักษณ์แห่งรักและพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
ภาพถ่ายติดผีที่กำลังเป็นไวรัลในตอนนี้
ปู มัณฑนา ยื่นร้องเรียน หนุ่ม กรรชัย-โหนกระแส กล่าวหาขาดจรรยาบรรณ ทำชีวิตพังยับ
“จ๋า ธนนนท์” ภริยานายกฯ อนุทิน โพสต์ขอโทษสื่อ หลังพูดเล่นจนเกิดกระแสวิจารณ์ — ยืนยันไม่มีเจตนาคุกคาม
เขมรเอาใหญ่ สร้างคลิป AI ใส่ร้ายไทยไม่หยุด อ้างไทยมาเที่ยวอันตราย




