ความตึงเครียดปกคลุม “ช่องบก” หลังเสียงปืนดัง ชาวบ้านโดนสั่งห้ามเข้า
บรรยากาศตึงเครียดที่ช่องบก ภจ12 อุทยานภูจองฯ หลังเหตุปะทะทหารไทย-กัมพูชา ชาวบ้านกังวลหนัก รายได้หาย หวั่นซ้ำรอยเหตุรุนแรงในอดีต
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่บริเวณจุดเฝ้าระวัง ภจ12 (ฐานมรกต) ภายในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นทางขึ้นสู่ "ช่องบก" เส้นทางภูเขาที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ว่าขณะนี้ยังคงมีบรรยากาศตึงเครียดและเคร่งเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เส้นทางขึ้นช่องบกถูกปิดชั่วคราว เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม ชาวบ้านไม่ได้รับอนุญาตเข้าเก็บของป่า
ในช่วงเช้าของวันนี้ (29 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ตัดสินใจปิดเส้นทางขึ้นสู่พื้นที่ด้านบนของอุทยานฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารในจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รถพยาบาลจำนวนหนึ่งได้ทยอยเดินทางขึ้นสู่พื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บหากมีการปะทะกันซ้ำ
ที่สำคัญคือ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอใด ๆ ในบริเวณฐานที่ตั้งของทหารไทย รวมถึงได้มีการขนย้ายเต็นท์และอุปกรณ์สนับสนุนจำนวนมากขึ้นไปยังพื้นที่ เพื่อจัดตั้งจุดอำนวยการฉุกเฉินรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
ชาวบ้านวิตกหนัก ไม่สามารถหาของป่า รายได้หดหาย บางคนเคยเจอเหตุการณ์คล้ายกันถึง 3 ครั้ง
บรรยากาศในหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 3 ตำบลโดมประดิษฐ์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้จุดปะทะมากที่สุด เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านที่มีอาชีพหาของป่า พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เก็บเห็ด เก็บหน่อไม้ หรือของป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักช่วงฤดูฝน ทำให้ครอบครัวจำนวนมากได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หญิงชาวบ้านวัยกลางคนรายหนึ่งกล่าวว่า เธอเคยประสบเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้วถึง 3 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่มีกระสุนปืนใหญ่ตกลงมาในหมู่บ้าน จนชาวบ้านต้องอพยพหนีไปอยู่ในศูนย์อพยพชั่วคราว แม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วนาน แต่ความทรงจำยังคงฝังใจ และเธอยอมรับว่ารู้สึกกลัวแม้พยายามทำใจให้รับได้ เพราะเคยผ่านอะไรมาหนักหนากว่านี้แล้ว
“ทุกวันนี้เราต้องหาเห็ด หาหน่อไม้ไปขาย รายได้ครอบครัวอยู่ตรงนั้นหมด พอมีเหตุการณ์แบบนี้ เราเข้าไปไม่ได้เลย เงินก็ไม่มี ของกินก็เริ่มขาด มันไม่ใช่แค่กลัวระเบิดนะคะ มันคือกลัวว่าเราจะไม่มีอะไรกิน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ทหารสองประเทศเตรียมหารือด่วน หวังคลี่คลายสถานการณ์ที่ชายแดน
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เวลา 14.30 น. พลเอก พนา แคล้ว ปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกไทย และ พลเอก เมา โชะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมหารือร่วมกันที่ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อหาทางออกจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพ ความร่วมมือ และหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อทั้งสองประเทศ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้เปิดเผยเบื้องต้นว่า การหารือครั้งนี้จะเป็นไปอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่า เหตุปะทะเมื่อวานนี้เกิดจากความเข้าใจผิด หรือเป็นปัญหาจากการลาดตระเวนซ้ำซ้อนในพื้นที่ทับซ้อนที่ยังไม่ได้จัดการแนวเขตแดนให้ชัดเจน
ประวัติศาสตร์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่จางหาย
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากนึกถึงความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในอดีต โดยเฉพาะกรณีพิพาทที่ปราสาทพระวิหารเมื่อหลายปีก่อน ที่เคยนำไปสู่การปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย รวมถึงการสูญเสียชีวิตของทหารและพลเรือน จนทำให้ประชาคมโลกจับตามอง
แม้ว่าระยะหลังทั้งสองประเทศจะมีความร่วมมือที่ดีขึ้นในหลายด้าน แต่ปัญหาเขตแดนโดยเฉพาะบริเวณป่าเขา ยังเป็นปัญหาที่อ่อนไหวและรอการจัดการในระดับนโยบายอย่างถาวร หากไม่มีการเจรจาและจัดทำแนวเขตให้ชัดเจน ปัญหานี้อาจกลายเป็นระเบิดเวลาที่รอการปะทุอีกครั้งได้ทุกเมื่อ
เสียงเรียกร้องจากชาวบ้าน: “เราต้องการความปลอดภัย และอยากให้เรื่องจบลงโดยเร็ว”
ท่ามกลางเสียงปืนและการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือ “ความสงบ” และ “โอกาสในการดำรงชีวิตตามปกติ” หลายคนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาเร่งเจรจาและหาทางออกที่ยั่งยืนให้กับปัญหาพื้นที่ชายแดน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด
“เราไม่ได้อยากเลือกข้างใคร เราแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบเหมือนเดิม แค่มีเห็ด หน่อไม้ ไปขายที่ตลาดก็พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรมากกว่านี้” ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหวัง
พื้นที่ชายแดนช่องบก ยังคงตึงเครียด หลังการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา
เจ้าหน้าที่ปิดเส้นทางและเพิ่มกำลังดูแลเข้มงวด หวั่นเหตุซ้ำ
ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และมีความวิตกกังวลสูง
ผู้นำทหารไทย-กัมพูชา มีกำหนดหารือร่วมกัน เพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์
เสียงจากชาวบ้านเรียกร้องสันติภาพและการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากภาครัฐ
สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนยังไม่แน่นอน และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการด้วยความระมัดระวังและใช้สติในการหาทางออกร่วมกัน เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งลุกลามเป็นความรุนแรงที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป












