สวยแต่เสี่ยง! ดราม่าหนัก ครีเอเตอร์ทำเค้กเหมือน “ของใช้-ของสด” คนแห่ห่วงเด็กเลียนแบบ
ดราม่าสะเทือนวงการคอนเทนต์! โซเชียลวิจารณ์ยับ ครีเอเตอร์สาวทำคลิปกิน “ขวดคลีนซิ่งโฟม” ชาวเน็ตห่วง เด็กๆ อาจเลียนแบบจนเกิดอันตราย
เมื่อโลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่เปิดที่ใครก็สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่น ความบันเทิง หรือแม้กระทั่งการกินแปลกๆ ล่าสุด เกิดดรามาครั้งใหม่ในวงการคอนเทนต์ออนไลน์ หลังจากที่ครีเอเตอร์สาวรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอกิน “ขวดคลีนซิ่งโฟม” ซึ่งที่จริงแล้วมันคือ “เค้ก” ที่ทำเลียนแบบผลิตภัณฑ์ความงามอย่างเหมือนเป๊ะ! แต่ความเหมือนนั้นกลับกลายเป็นต้นเหตุของเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่อง “ผลกระทบต่อเด็ก” ที่อาจแยกไม่ออกว่าอะไรคือของกินจริง และอะไรคือผลิตภัณฑ์จริงที่ห้ามกินเด็ดขาด
เค้กที่เหมือนของจริงจนทำให้คนสับสน
ครีเอเตอร์สาวเจ้าของช่อง TikTok รายนี้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ติดตามว่าเธอมักจะทำคลิปกินเค้กที่มีรูปทรงคล้ายกับสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล่องยา น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไปจนถึงหมูดิบ และล่าสุดก็คือ “ขวดคลีนซิ่งโฟม” ที่มีลักษณะทุกอย่างเหมือนของจริง ทั้งสี รูปทรง รายละเอียดฉลาก ทำให้คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังโพสต์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมาหลังยอดวิวถล่มทลายคือ “เสียงวิจารณ์” และความกังวลจากผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีลูกหลาน หรือทำงานเกี่ยวกับเด็ก ต่างแสดงความเป็นห่วงว่าคอนเทนต์เช่นนี้อาจก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในหมู่เด็กๆ ได้ เนื่องจากเด็กเล็กอาจยังไม่มีวิจารณญาณเพียงพอที่จะแยกแยะได้ว่า ขวดคลีนซิ่งโฟมที่เห็นในห้องน้ำกับในคลิปที่ครีเอเตอร์กินนั้น “ต่างกัน” อย่างไร
“เดี๋ยวนี้คอนเทนต์กลายเป็นเรื่องของยอดวิว ยอดไลก์ มากกว่าความรับผิดชอบต่อสังคม” — ความคิดเห็นหนึ่งจากชาวเน็ต
ชาวเน็ตแห่คอมเมนต์: “แบบนี้ไม่เหมาะสม!”
คอมเมนต์จำนวนมากใน TikTok, Facebook และ Twitter ต่างสะท้อนมุมมองที่คล้ายกันว่า แม้คอนเทนต์จะดูสนุกและแปลกใหม่ แต่ก็ควรมีขอบเขต และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน
“มันดูไม่น่ารักเลยค่ะ เด็กๆ อาจคิดว่าขวดคลีนซิ่งของแม่ก็กินได้”
“หมูดิบยังพอเข้าใจ แต่ขวดคลีนซิ่งมันดูอันตรายมากจริงๆ”
“มันเหมือนมากจนน่ากลัว ถ้าลูกไปหยิบของจริงมากินจะทำยังไง?”
แม้เจ้าของช่องจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่หลายคนก็ยังเห็นว่าการนำเสนอในลักษณะนี้ควรได้รับการตักเตือนหรือให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพราะคอนเทนต์บางประเภทแม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็อาจไม่เหมาะสมในเชิงจริยธรรมหรือความรับผิดชอบต่อสังคม
ผู้เชี่ยวชาญเตือน: “คอนเทนต์กินของเหมือนจริง อันตรายต่อพัฒนาการเด็ก”
ด้านนักจิตวิทยาเด็กและนักวิชาการด้านสื่อออนไลน์ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีนี้เช่นกัน โดยระบุว่า “เด็กเล็กอยู่ในช่วงที่สมองกำลังเรียนรู้จากสิ่งที่เห็น เด็กวัย 3–6 ปี ยังไม่สามารถแยกแยะโลกสมมุติกับโลกจริงได้ชัดเจน หากเห็นคนที่เขาชื่นชอบกินขวดโฟม หรือโทรศัพท์ อาจเกิดความเข้าใจผิดและเลียนแบบได้โดยไม่รู้ตัว”
นอกจากนี้ยังเสริมว่า “แม้จะมีคำเตือนท้ายคลิปว่าไม่ควรทำตาม หรือแปะข้อความว่า ‘ของปลอม’ แต่เด็กอาจไม่สามารถอ่านข้อความเหล่านั้นได้ หรือไม่ได้สนใจอ่าน เพราะความสนใจจะไปอยู่ที่ภาพการกินมากกว่า”
คอนเทนต์ล้ำเส้น หรือศิลปะการทำเค้ก?
ด้านผู้สนับสนุนหรือแฟนคลับของครีเอเตอร์รายนี้กลับมองว่าการทำเค้กในลักษณะเลียนแบบสิ่งของถือเป็น “ศิลปะ” และเป็นกระแสความนิยมที่มีมานานในต่างประเทศ โดยเฉพาะในรายการโชว์ดังของสหรัฐฯ อย่าง “Is It Cake?” ที่ให้ผู้ชมทายว่าอะไรคือเค้ก อะไรคือของจริง ซึ่งก็ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กัน
หลายคนมองว่า “สิ่งสำคัญคือต้องมีการระบุชัดเจนว่าเป็นของปลอม และไม่ควรกินตามอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า” มากกว่าจะห้ามไม่ให้ทำเลย เพราะจะเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์
กรมอนามัยเตรียมชี้แจงแนวปฏิบัติ
จากกระแสดรามาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แหล่งข่าวจากกรมอนามัยเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างแนวทางหรือข้อแนะนำสำหรับการผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับ “อาหารปลอม-ของกินเลียนแบบสิ่งของที่ไม่ควรกิน” เพื่อให้ครีเอเตอร์ออนไลน์สามารถใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ก่อนเผยแพร่สู่สาธารณชน โดยเน้นความปลอดภัยของผู้ชมกลุ่มเยาวชนเป็นหลัก
ทางออกอยู่ที่ “สมดุล” ระหว่างความสร้างสรรค์และจริยธรรม
สิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกโซเชียล แต่เป็นการตอกย้ำว่า “ความสร้างสรรค์” ต้องมาพร้อมกับ “ความรับผิดชอบ” โดยเฉพาะเมื่อคอนเทนต์มีผู้ชมที่หลากหลาย ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะทำเค้กให้เหมือนของจริง หรือสร้างคลิปวิดีโอที่แปลกใหม่ ท้าทายสายตาผู้ชม แต่ครีเอเตอร์ควรตระหนักว่าโลกออนไลน์ไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่ที่เข้าใจบริบทเท่านั้น แต่ยังมีเด็กและเยาวชนที่อาจได้รับผลกระทบจากคอนเทนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ
เส้นบางๆ ระหว่าง “ไวรัล” กับ “ไวรัสทางความคิด”
จากเค้กขวดคลีนซิ่งโฟมหนึ่งขวด ทำให้เกิดคำถามที่ลึกซึ้งในสังคมเกี่ยวกับบทบาทของผู้ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ว่าจะทำอย่างไรให้คอนเทนต์สนุก แปลกใหม่ น่าดู แต่ก็ไม่สร้างความสับสนหรืออันตรายต่อผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางที่สุดอย่างเด็กเล็ก
ในวันที่ทุกคนถือกล้องได้ง่ายเหมือนถือช้อน ทุกคลิปวิดีโอคือคำพูดหนึ่งที่ถูกส่งออกสู่สังคม เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ดราม่า แต่คือการเตือนใจว่า “คอนเทนต์ดี” ควรจะ “คิดให้ดีก่อนเผยแพร่”






















