เปิดคำเตือนเด็ด! “อ.อ๊อด” ฟาด “อาร์ต พศุตม์” กลางสื่อ
อ.อ๊อด โพสต์เตือนด้วยความรัก "อาร์ต พศุตม์" อย่าล้ำเส้น "หมออั้ม" พร้อมยกข้อกฎหมายเตือนสติ – ปิดท้ายด้วยคำว่า "รักนะ จุ๊บๆ"
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลเมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างนักแสดงหนุ่มกล้ามโต “อาร์ต พศุตม์” กับ “หมออั้ม” หรือหมออิ่ม ผู้ที่มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคนในวงการบันเทิงผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งล่าสุดได้มีนักวิชาการชื่อดังอย่าง “อ.อ๊อด” หรือ “ดร.วีรชัย พุทธวงศ์” ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Weerachai Phutdhawong โดยมีเจตนาให้คำแนะนำด้วยความหวังดีต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกับอาร์ต พศุตม์ ที่ดูเหมือนจะออกมาตอบโต้หมออั้มในเชิงรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ข้อพิพาทเริ่มต้นจากโพสต์กำกวมที่โยงถึง "พระเอกกล้ามโต"
เรื่องเริ่มต้นจากโพสต์ของหมออั้มที่กล่าวถึง “พระเอกกล้ามโต” โดยไม่ได้ระบุชื่อหรือเจาะจงว่าเป็นใคร ซึ่งโดยธรรมชาติของโซเชียลมีเดีย เมื่อมีการใช้ภาษากำกวมที่ดูเหมือนพาดพิง แม้ไม่มีการเอ่ยชื่อ ก็ย่อมมีการคาดเดา และบางครั้งอาจมีคนที่รู้สึกว่าตนเองถูกพูดถึง ทั้งที่ต้นเรื่องอาจไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ
ในกรณีนี้ “อาร์ต พศุตม์” ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจ และแสดงท่าทีว่าเข้าใจว่าโพสต์นั้นพาดพิงตนเอง และได้โพสต์ตอบโต้ในลักษณะรุนแรง จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง
หมออั้มรีบขอโทษ ยืนยันไม่มีเจตนาพาดพิง
เมื่ออาร์ตแสดงท่าทีไม่พอใจ หมออั้มก็ได้ออกมาชี้แจงและขอโทษทันที พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจพาดพิงถึงใครทั้งสิ้น และข้อความที่โพสต์ไปนั้นไม่ได้ระบุชื่อหรือเจาะจงบุคคลใด วิญญูชนทั่วไปจึงไม่สามารถทราบได้ว่าเกี่ยวกับใคร พร้อมขอให้ยุติความเข้าใจผิด
อ.อ๊อดเตือนอาร์ตด้วยความรัก – ย้ำ “ล้ำเส้น” อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย
อ.อ๊อด หรือ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ ซึ่งเป็นนักเคมีและอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มักมีบทบาทออกมาให้ความเห็นต่อเหตุการณ์สังคม ได้โพสต์ข้อความสั้นๆ แต่ได้ใจความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมติดแฮชแท็กว่า “สั้นๆด้วยความรัก ติดประชุมอยู่ตอบยาวไม่ได้”
โดยเนื้อหาในโพสต์มีการเตือนอย่างนุ่มนวลว่า "น้องอาร์ตควรหยุดได้แล้ว รู้สึกว่าจะเริ่มล้ำเส้นหมออั้มแล้ว อย่าให้พี่อ๊อดหงุดหงิดตอบน้องอาร์ต"
จากนั้นจึงได้อธิบายเหตุผลและมุมมองในเชิงกฎหมายและจริยธรรมไว้ 4 ข้อ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
1. ไม่มีการระบุชื่อในโพสต์ของหมออั้ม – ข้อความที่หมออั้มโพสต์นั้นไม่มีการระบุเจาะจงถึงใคร แม้จะพูดถึง “พระเอกกล้ามโต” ก็เป็นลักษณะทั่วไปที่ไม่สามารถโยงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างชัดเจน
2. หมออั้มขอโทษทันทีเมื่อมีความเข้าใจผิด – แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและเจตนาบริสุทธิ์ของหมออั้มในการแก้ไขสถานการณ์ ไม่ได้มีความต้องการจะให้เกิดความขัดแย้ง
3. อาร์ตอาจล้ำเส้นในทางกฎหมาย – การตอบโต้ด้วยถ้อยคำหรือพฤติกรรมที่รุนแรง อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทต่อสาธารณะ ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินคดีได้ หากไม่อยู่ในขอบเขตของ “การปกป้องสิทธิ” ที่สมควรตามมาตรา 329 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
4. การเตือนคือความหวังดี – อ.อ๊อดย้ำว่าทุกการเตือนคือการแสดงออกด้วยความหวังดี ไม่ได้มีเจตนาตำหนิ แต่ต้องการป้องกันไม่ให้เรื่องราวบานปลายถึงขั้นกลายเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลโดยไม่จำเป็น
“ทะเลาะกันไปไม่มีประโยชน์” – คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์
อ.อ๊อดทิ้งท้ายโพสต์ด้วยความรักและอารมณ์ขันว่า “รักนะ จุ๊บๆ พี่ผ่านมาหมดแล้ว ทะเลาะกันไปไม่มีประโยชน์ ไม่เชื่อไปถามพี่หนุ่มนะ” ซึ่งทำให้ผู้ติดตามจำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นว่าชอบความมีอารมณ์ขันและการสื่อสารที่แม้จะสั้น แต่ชัดเจนและสร้างความเข้าใจได้ดี
เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต: "อ.อ๊อดพูดแทนใจหลายคน"
หลังจากโพสต์ของอ.อ๊อดเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับการแชร์และแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง หลายคนเห็นด้วยกับคำแนะนำของอาจารย์ พร้อมบอกว่าความขัดแย้งในโซเชียลนั้น หากไม่ถูกยับยั้งในเวลาอันควร ก็อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของทั้งสองฝ่ายอย่างร้ายแรง
โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การแสดงความคิดเห็นสามารถส่งผลกระทบในระดับมหาศาลภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง การมีสติและการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่ร่วมกันในโลกออนไลน์
บทสรุป: หยุดก่อน เพื่อความสงบ
กรณีพิพาทระหว่างอาร์ต พศุตม์ กับหมออั้ม อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาคนบางกลุ่ม แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมของการอยู่ร่วมกันในสังคม และความสำคัญของการควบคุมคำพูดบนโลกออนไลน์ ก็จะเห็นได้ว่า การพูดหรือโพสต์อะไรโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี อาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางกฎหมายและชื่อเสียงได้
อ.อ๊อดในฐานะนักวิชาการที่เคยผ่านประสบการณ์หลายด้าน ได้เลือกจะเตือนในเชิงสร้างสรรค์ พร้อมเสนอทางออกด้วยความรักและความหวังดี ซึ่งถือเป็นบทเรียนสำคัญให้กับทั้งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และผู้ติดตามจากภายนอก
“บางครั้งการหยุดก่อน อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ประโยคนี้ของอ.อ๊อด จึงไม่ได้เป็นแค่คำพูดปลอบใจ แต่เป็นคำเตือนที่ควรจดจำและนำไปใช้จริงในโลกแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้เสมอ











