ดราม่าร้อน! แท็กซี่ติดกล้องแอบถ่ายผู้โดยสาร โซเชียลถล่มยับ เข้าข่ายผิดกฎหมายเพียบ
วิจารณ์สนั่น! โชเฟอร์แท็กซี่โพสต์คลิปผู้โดยสารแสดงความรักในรถสาธารณะ ชาวเน็ตจี้ผิดกฎหมาย PDPA และหมิ่นประมาทหรือไม่?
เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียลมีเดีย หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของผู้โดยสารชายหญิงชาวต่างชาติ ที่กำลังแสดงความรักกันภายในรถโดยสารคันหนึ่ง โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกโพสต์โดยคนขับรถแท็กซี่เอง พร้อมระบุแคปชั่นว่า “ไม่มีกระจิดกระใจขับรถเลยแบบนี้” ซึ่งสร้างความฮือฮาและเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์
ผู้คนจำนวนมากได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการกระทำนี้ โดยเฉพาะเมื่อในคลิปสามารถเห็นใบหน้าของผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน จนมีเสียงสะท้อนในเชิงลบว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง และอาจเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายหลายข้อหา
เปิดประเด็นร้อน! ใครกันแน่ที่ละเมิดสิทธิ?
ในยุคที่โซเชียลมีเดียสามารถเป็นสื่อกระจายข่าวสารอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจมองว่าการถ่ายคลิปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันแล้วแชร์ต่อเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีล่าสุดนี้ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักว่า “ความเป็นส่วนตัว” นั้นมีขอบเขตที่ไม่ควรถูกล้ำเส้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคำนึงถึง กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในประเทศไทย
กลุ่ม “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” ขยี้ประเด็น พร้อมอ้างถึง PDPA
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มเฟซบุ๊กชื่อดัง “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” ได้หยิบยกเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อถกเถียง พร้อมระบุว่า การกระทำของคนขับรถแท็กซี่ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนว่า การนำข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ใบหน้า เสียง หรือพฤติกรรมของผู้อื่น ไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม อาจมีโทษทางอาญาและทางแพ่ง
“โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้เสียหายได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือได้รับความอับอาย อาจฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมได้ภายในระยะเวลา 10 ปี” – ข้อมูลจากโพสต์ของกลุ่มดังกล่าวระบุ
เสี่ยงโดนเพิ่ม! ผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
ไม่เพียงแต่ PDPA เท่านั้น การโพสต์ข้อความที่อาจสื่อในเชิงลบเช่น “ไม่มีกระจิตกระใจขับรถเลยแบบนี้” ยังอาจเข้าข่ายความผิดฐาน หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ซึ่งมีบทลงโทษชัดเจนคือ “จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
เมื่อพิจารณาจากข้อความดังกล่าว และความสามารถในการระบุตัวตนของผู้โดยสารจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ ชาวเน็ตบางรายได้เรียกร้องให้ผู้โดยสารในคลิปดำเนินคดีทางกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิของตน และให้เป็นกรณีศึกษาแก่คนในสังคม
โซเชียลเสียงแตก! บางส่วนเห็นใจคนขับ
แม้ว่ากระแสส่วนใหญ่จะวิจารณ์การกระทำของคนขับว่าไม่เหมาะสม แต่ก็มีบางความคิดเห็นที่มองต่างออกไป โดยให้ความเห็นว่า ผู้โดยสารควรเคารพกาลเทศะ เนื่องจากรถโดยสารสาธารณะเป็นพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน การแสดงความรักในลักษณะที่ “เกินขอบเขต” อาจทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจ
“เข้าใจว่ารักกัน แต่รถสาธารณะไม่ใช่ห้องนอนส่วนตัว ไม่ควรทำอะไรที่อาจทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด” – ความคิดเห็นจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง
“แม้คนขับจะผิดที่โพสต์คลิป แต่ถ้าไม่แสดงอะไรแบบนี้ โชเฟอร์ก็คงไม่มีคลิปให้โพสต์” – ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกคนกล่าว
นักกฎหมายแนะ! ถ้าถูกละเมิดสิทธิ ควรทำอย่างไร?
นักกฎหมายหลายรายได้ออกมาให้ข้อมูลว่าหากบุคคลใดรู้สึกว่าถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือเสียหายจากการโพสต์โดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้:
1. รวบรวมหลักฐาน ทั้งภาพ วิดีโอ ข้อความ หรือการแชร์ที่เกี่ยวข้อง
2. แจ้งความดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจในข้อหาละเมิด PDPA และหมิ่นประมาท
3. แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)
4. ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง หากเกิดผลกระทบทางชื่อเสียงหรือจิตใจ
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ซับซ้อนของการใช้โซเชียลมีเดียในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับรถสาธารณะที่ใช้กล้องติดรถในการเก็บภาพเพื่อความปลอดภัย หรือประชาชนทั่วไปที่ใช้โทรศัพท์มือถือในการถ่ายและเผยแพร่เหตุการณ์ต่าง ๆ แต่หากไม่รู้จัก “ขอบเขต” หรือ “ข้อกฎหมาย” ก็อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายและผลกระทบที่ร้ายแรงได้ในอนาคต
โลกออนไลน์ไม่ใช่พื้นที่ที่ปราศจากกฎเกณฑ์ การโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใดก็ตาม อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้อย่างไม่รู้ตัว การเคารพสิทธิซึ่งกันและกันจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
สุดท้ายนี้ หวังว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะกลายเป็น “บทเรียน” ให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักและใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นโชเฟอร์ ผู้โดยสาร หรือผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทุกคน






















