คดีฉ้อโกงในอังกฤษพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] สมาคม "ยูเค ไฟแนนซ์" กล่าวว่า "ในปี 2024 ภาคการเงินของอังกฤษ ต้องเผชิญกับคดีฉ้อโกงมากถึง 3.31 ล้านคดี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และ เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2023 โดยส่วนใหญ่เป็นการโจมตีแบบจำนวนมาก แต่มูลค่าต่อครั้งต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามิจฉาชีพ ได้ปรับเปลี่ยนวิธีจากแผนการหลอกลวงที่ซับซ้อน มาเป็นการหลอกลวงแบบในวงกว้างและอย่างรวดเร็ว" ถึงแม้จำนวนคดีฉ้อโกงเพิ่มขึ้น แต่ยอดเงินที่ถูกขโมยยังคงอยู่ที่ 1.17 พันล้านปอนด์ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2023 ซึ่งสะท้อนว่าความพยายามของภาคการเงิน ในการต่อสู้กับอาชญากรรมประเภทนี้ยังมีข้อจำกัด โดยปัญหานี้คิดเป็น 41% ของอาชญากรรมที่มีการรายงานทั้งหมดในอังกฤษ และ ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางการเงิน
กรรมการผู้จัดการด้านอาชญากรรม "เบน โดนัลด์สัน" ทางเศรษฐกิจของ "ยูเค ไฟแนนซ์" กล่าวเตือนว่า "การฉ้อโกงไม่เพียงส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อสังคมและตัวบุคคลอย่างรุนแรง โดยเงินที่ถูกขโมยไปมักตกอยู่ในมือ ของกลุ่มอาชญากรรมที่มีการ จัดตั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ"
หัวหน้าฝ่ายอาชญากรรม "จิม วินเทอร์" ทางการเงินของ "เนชันไวด์" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อบ้านรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ กล่าวว่า "ตัวเลขคดีฉ้อโกงที่ "ยูเค ไฟแนนซ์" รายงานนั้นยังเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะยังมีเหยื่อจำนวนมาก ที่ไม่แจ้งความหรือไม่รายงานคดีที่เกิดขึ้น"
จากผลสำรวจพบว่า ชาวอังกฤษ 1 ใน 7 ได้รับอีเมลที่อาจเป็นการฉ้อโกงในแต่ละวัน แต่ 43% เลือกที่จะไม่แจ้งความ ถึงแม้จะเป็นผู้เสียหาย หรือ พบเห็นการฉ้อโกงก็ตาม...
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อังกฤษกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการฉ้อโกงระดับโลก ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งระบบโอนเงินที่รวดเร็ว การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มงวด และ มีการใช้ภาษาอังกฤษมากที่สุด ซึ่งเป็นภาษาหลักที่ใช้กันทั่วโลก ซึ่งเอื้อให้กลุ่มอาชญากรสามารถขยายเครือข่ายหลอกลวงได้ง่าย
ในปี 2024 มิจฉาชีพได้ปรับเปลี่ยนมาใช้รูปแบบใหม่ คือ การฉ้อโกงผ่านการซื้อของออนไลน์ ซึ่งอาศัยการแฮกหรือขโมยรหัส OTP ที่เหยื่อได้รับ แล้วนำไปสั่งซื้อสินค้าแทนเหยื่อบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้การหลอกลวงรูปแบบนี้ เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมา...









