ชาวเน็ตยกนิ้ว! ไรเดอร์ 7-11 เดินลุยน้ำส่งของเต็มใจ ไม่ทิ้งหน้าที่แม้ไร้สัญญาณ
"ชื่นชมสปิริตไรเดอร์ 7-Eleven บุกส่งของถึงแคมป์ แม้ต้องข้ามลำธาร – โซเชียลเสียงแตก ชื่นชม-วิจารณ์ ลูกค้าควรคำนึงถึงความปลอดภัยคนส่งหรือไม่?"
กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอเรื่องราวของพนักงานไรเดอร์จาก 7-Eleven ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความทุ่มเทในการทำหน้าที่ของตนอย่างสุดหัวใจ โดยถึงแม้จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และต้องเดินเท้าข้ามลำธาร ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำสินค้าไปส่งถึงมือลูกค้าในพื้นที่ห่างไกลได้อย่างไม่ย่อท้อ
เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยผ่านบัญชี TikTok ชื่อว่า @pulifail.gf ซึ่งภายในคลิปวิดีโอ เธอได้บันทึกเหตุการณ์ที่ไรเดอร์หนุ่มรายหนึ่ง พยายามเดินเข้าไปยังจุดตั้งแคมป์ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ โดยเจ้าตัวต้องใช้วิธีเดินเท้าไล่ตามหาและสอบถามคนในพื้นที่ จนกระทั่งพบว่าลูกค้าอยู่ฝั่งตรงข้ามลำธาร
แม้สภาพแวดล้อมจะไม่อำนวยและเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ไรเดอร์หนุ่มก็ไม่ย่อท้อ พร้อมเดินลุยน้ำข้ามลำธารไปยังอีกฝั่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อส่งสินค้าที่ลูกค้าสั่งไว้ให้ถึงมืออย่างปลอดภัย ความมุ่งมั่นนี้ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากชาวเน็ตในโลกออนไลน์ จนกลายเป็นคลิปไวรัลที่มีผู้ชมทะลุ 2 ล้านครั้งภายในเวลาไม่นาน
เพจ 7-Eleven Thailand เองก็ได้แชร์คลิปวิดีโอดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า:
"เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่แคมป์ปิ้งแห่งหนึ่ง ไรเดอร์ของเราบุกปั่นไปส่งสินค้าให้ลูกค้า แต่จุดที่ไปนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ น้องเลยใช้วิธีเดินหาและสอบถามลูกค้า จนพบว่าลูกค้าอยู่ฝั่งตรงข้ามลำธาร น้องจึงเดินข้ามลำธารไปเพื่อส่งสินค้าให้กับลูกค้า น้องบริการด้วยหัวใจ หน้าตายิ้มแย้มเมื่อได้พบลูกค้า ขอบคุณน้องมาก ๆ ครับ และขอขอบคุณคุณ @pulifail.gf ที่ช่วยนำเรื่องราวดี ๆ มาเผยแพร่ครับ"
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม เจ้าของคลิปได้เปิดเผยว่าสถานที่ดังกล่าวคือ “โอ๊ะป่อย” แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โดยพื้นที่นี้มีภูมิประเทศเป็นเนินเขา ป่าไม้ และลำธาร ส่งผลให้ในบางจุดอาจมีสัญญาณโทรศัพท์อ่อนหรือไม่มีเลย
เจ้าของคลิปยังเล่าว่าเห็นพนักงานไรเดอร์ท่านนี้มาส่งของลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยตนรู้สึกสงสารพนักงานที่ต้องลำบากฝ่าฟันภูมิประเทศยากลำบากเพื่อมอบความสะดวกให้กับลูกค้า แม้จะเป็นเพียงของไม่กี่ชิ้นก็ตาม
7-Eleven เตรียมมอบรางวัลตอบแทนไรเดอร์
หลังคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลและได้รับการแชร์ต่ออย่างกว้างขวาง ทางเพจหลักของ 7-Eleven ได้ติดต่อเข้ามาขอภาพจากเจ้าของคลิปเพื่อรวบรวมเป็นข้อมูล และคาดว่าจะมีการมอบรางวัลหรือประกาศเกียรติคุณให้กับพนักงานไรเดอร์รายนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและแสดงความขอบคุณที่เขาทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
เสียงจากโซเชียล: ชื่นชม – ห่วงใย – วิจารณ์
แม้เรื่องราวจะได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งของความเห็นที่สะท้อนความห่วงใยและตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการสั่งสินค้าในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก โดยชาวเน็ตบางส่วนแสดงความเห็นว่า:
“พนักงานทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ลูกค้าก็ควรคำนึงถึงสภาพพื้นที่ด้วย ไม่ควรสั่งของหากรู้ว่าไรเดอร์จะต้องลำบากถึงขนาดต้องเดินข้ามลำธารแบบนี้”
“ไรเดอร์เก่งมาก แต่บริษัทก็ควรมีแนวทางหรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการในพื้นที่ลำบาก เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน”
“ลูกค้าอาจไม่เจตนาให้ไรเดอร์ลำบาก แต่อย่างน้อยก็อาจควรออกมารับของที่บริเวณที่เข้าถึงง่ายกว่านี้ เช่น ที่จอดรถหรือจุดรับกลาง ๆ”
ขณะที่อีกฝ่ายก็โต้แย้งว่า การบริการส่งถึงที่ เป็นสิ่งที่ไรเดอร์และบริษัทนำเสนอเพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกค้า และหากไรเดอร์ยินดีทำด้วยใจ ก็ไม่ควรไปกล่าวโทษลูกค้ามากเกินไป พร้อมย้ำว่าความรับผิดชอบและน้ำใจของไรเดอร์คือสิ่งที่ควรยกย่อง
“นี่แหละการบริการด้วยหัวใจ ยอมเดิน ข้ามน้ำ ข้ามเขา เพื่อให้ลูกค้าได้รับของ ไม่ได้มีทุกคนที่จะทุ่มเทแบบนี้”
“ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อซื้อความสะดวกสบาย และไรเดอร์ก็มีสิทธิ์เลือกที่จะรับงานหรือไม่ แสดงว่าคนนี้เลือกทำและทำได้ดีมาก ๆ”
บทเรียนที่ควรถอดจากเหตุการณ์นี้
แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องราวที่สะท้อนความมุ่งมั่นของพนักงานระดับแนวหน้า แต่ก็ยังทิ้งคำถามที่สำคัญไว้ให้ผู้บริโภคและผู้ให้บริการร่วมกันพิจารณา ว่าในการส่งของถึงที่โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือมีอันตราย ควรมีแนวทางหรือมาตรการใด ๆ เพื่อรักษาสมดุลระหว่าง “ความสะดวกของลูกค้า” และ “ความปลอดภัยของพนักงาน” หรือไม่
ขณะเดียวกัน สำหรับสังคมไทยที่ยังให้คุณค่าเรื่องน้ำใจ ความอดทน และความทุ่มเทของคนทำงาน เราก็ควรเรียนรู้ที่จะ ขอบคุณคนทำงานเบื้องหลังเหล่านี้ มากขึ้น และยกย่องพวกเขาในฐานะ “ฮีโร่ตัวจริง” ที่แม้ไม่มีผ้าคลุม ก็พร้อมจะก้าวผ่านความยากลำบากเพื่อส่งรอยยิ้มให้ถึงมือเรา
หากคุณเคยพบเจอไรเดอร์ที่ทำหน้าที่อย่างสุดหัวใจแบบนี้ อย่าลืมกล่าว “ขอบคุณ” ด้วยคำพูดหรือการให้คะแนนดี ๆ เพราะแค่คำพูดเล็กน้อยของเราก็อาจเป็นแรงผลักดันให้พวกเขามีกำลังใจทำงานต่อไปอย่างมีคุณภาพ





















