ไม่คุ้มไม่ขับ! นายก ส.แท็กซี่ตอบดราม่าแท็กซี่ไม่รับคน อ้าง “เลือกได้”
ศึกแท็กซี่ VS Grab ระอุอีกรอบ! นายกแท็กซี่ลั่น "เราคือนักธุรกิจ-ปัดลูกค้าได้" ทนายเกิดผลสวนแรง ผิดกฎหมายชัด! ปมดราม่าขู่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
ประเด็นร้อนแรงที่กำลังเป็นที่พูดถึงในสังคมขณะนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีข้อขัดแย้งระหว่าง แท็กซี่สาธารณะ และ บริการแอปพลิเคชันเรียกรถ (เช่น Grab) ที่ลุกลามไปถึงระดับ ขู่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ จนนำไปสู่การตอบโต้เดือดจาก ทนายชื่อดัง เกิดผล แก้วเกิด ซึ่งออกมาชี้ชัดว่าการปฏิเสธผู้โดยสารนั้น ขัดต่อกฎหมายโดยตรง
เรื่องเริ่มจากการออกมาให้สัมภาษณ์ของ นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะ ที่กล่าวว่า อาชีพคนขับแท็กซี่ก็เปรียบเสมือน "นักธุรกิจ" ซึ่งย่อมมีสิทธิ์เลือกลูกค้าได้ ถ้ามองว่าไม่คุ้มค่าในการให้บริการ จุดนี้เองที่กลายเป็นชนวนให้เกิดเสียงวิจารณ์จากประชาชน รวมไปถึงนักกฎหมายที่เห็นว่า มุมมองเช่นนี้ละเมิดสิทธิผู้โดยสารอย่างชัดเจน
ทนายเกิดผล แก้วเกิด สวนเดือด! ลั่น “ผิดกฎหมายทุกข้อ!”
หลังคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ทนายเกิดผลก็ไม่รีรอที่จะโพสต์โต้กลับในทันที โดยระบุชัดว่า:
“การปฏิเสธผู้โดยสาร การทอดทิ้งผู้โดยสารกลางทาง หรือแม้แต่การพาผู้โดยสารอ้อมเส้นทางนั้น ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายทั้งสิ้น ถึงแม้คุณจะเป็นถึงนายกสมาคมฯ ก็ควรทราบข้อกฎหมายพื้นฐานเหล่านี้ ไม่ใช่ออกมาพูดเหมือนอยู่เหนือกฎหมาย”
พร้อมกันนี้ ทนายยังทิ้งท้ายอย่างเจ็บแสบว่า
“บางที...การนิ่งเงียบอาจดูฉลาดกว่าการพูดให้คนเขาวิจารณ์แบบนี้ก็ได้นะครับ!”
สรุปข้อเรียกร้องของแท็กซี่และประเด็นการชุมนุม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20-21 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ประมาณ 50 คัน ได้รวมตัวกันชุมนุมที่ ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และ รมว.คมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมที่แท็กซี่ต้องเผชิญจากบริการเรียกรถผ่านแอปฯ
ข้อเรียกร้องหลักมีดังนี้:
1. ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างฯ พ.ศ.2560
2. ยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564
เหตุผลที่กลุ่มแท็กซี่เสนอให้ยกเลิกกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ เพราะเห็นว่าเปิดทางให้บริษัทแอปพลิเคชันต่างชาติ โดยเฉพาะ Grab เข้ามาแข่งขันแบบไม่เป็นธรรม สร้างความเสียเปรียบให้กับแท็กซี่มิเตอร์ดั้งเดิมอย่างหนัก
ขู่แรง! ถ้าไม่ฟังเสียงแท็กซี่ อาจมีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
หนึ่งในคำพูดที่กลายเป็นดราม่าคือ นายวรพลกล่าวว่า "หากรัฐบาลเลือกสนับสนุน Grab ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ ก็เท่ากับขายชาติ" พร้อมประกาศว่า หากการเจรจาไม่เป็นผล อาจยกระดับการชุมนุมถึงขั้น ปิดทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อกดดันรัฐบาล
การขู่ลักษณะนี้ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่จะต้องรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าว
ถามตรง ๆ: แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ผิดกฎหมายหรือไม่?
หลายคนที่ใช้บริการรถแท็กซี่คงเคยประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น โบกแล้วไม่จอด, จอดแต่ไม่ไป, หรือพาขับอ้อมเส้นทาง หากคุณเคยเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ต้องรู้ไว้ว่า กฎหมายไทยมีไว้คุ้มครองคุณอยู่แล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1. ปฏิเสธผู้โดยสาร = ผิดเต็ม ๆ
ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 57 จัตวา คนขับแท็กซี่ที่เปิดไฟว่างแล้วไม่รับผู้โดยสารโดยไม่มีเหตุผลสมควร ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท
2. ทอดทิ้งผู้โดยสารกลางทาง
ตาม มาตรา 104 ประกอบมาตรา 127 ของ พ.ร.บ.การขนส่งทางบกฯ ห้ามคนขับปล่อยผู้โดยสารลงกลางทางก่อนถึงจุดหมายที่ตกลงกันไว้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ ไม่เกิน 5,000 บาท
3. พาผู้โดยสารอ้อมทาง
หากพาผู้โดยสารขับอ้อมโดยไม่มีเหตุผล หรือเพื่อโก่งค่าโดยสาร อาจเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ฐานฉ้อโกง และยังอาจผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ฐานเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราอีกด้วย
เจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องร้องเรียนที่ไหน?
หากคุณพบเจอเหตุการณ์ที่คนขับแท็กซี่ปฏิเสธให้บริการ ทิ้งผู้โดยสาร หรือโก่งราคาโดยไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งร้องเรียนได้ทันทีที่:
สายด่วนกรมการขนส่งทางบก โทร. 1584
ตำรวจจราจร โทร. 1197
การรวมพลังร้องเรียนจากประชาชนจะช่วยให้ภาครัฐสามารถดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิด และพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีมาตรฐานดียิ่งขึ้น
ประเด็นปัญหาระหว่างแท็กซี่กับบริการเรียกรถผ่านแอปฯ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ คนขับแท็กซี่ และผู้บริโภค เพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม
การกล่าวอ้างว่า "เราคือนักธุรกิจ เลือกลูกค้าได้" อาจฟังดูสวยหรู แต่ต้องอย่าลืมว่าอาชีพคนขับรถสาธารณะนั้นผูกพันกับหน้าที่ให้บริการประชาชน ไม่สามารถเลือกให้เฉพาะคนที่จ่ายดี หรือเส้นทางสั้นได้
เพราะถ้าทุกคน "เลือก" ได้หมด... แล้วใครจะเหลือไว้ "บริการ" สาธารณะ?






















