จวกแรง! ไอซ์ รักชนก แซะเดือด งบฯ ปฏิทิน-ตึก Skyy9 กินไม่ลง
"ไอซ์ รักชนก" โพสต์แซ่บกลางวัน! กินขาหมู-ส้มตำ แต่ไม่หากินกับงบหลวง สะเทือนแรงถึงคดี Skyy9 พ่วงอดีตรัฐมนตรีแรงงาน
กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์อีกครั้ง สำหรับ "รักชนก ศรีนอก" หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อเล่นว่า "ไอซ์" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร จากพรรคประชาชน (ปชน.) หลังเจ้าตัวออกมาโพสต์ข้อความเชิงเหน็บแนมผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในช่วงเที่ยงของวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาสั้น ๆ แต่กระแทกใจประชาชนและกระตุกต่อมตั้งคำถามกับการใช้งบประมาณของรัฐแบบเฉียบคม
ในโพสต์ดังกล่าว "ไอซ์ รักชนก" ระบุว่า
“เที่ยงนี้มาหากินขาหมู กินส้มตำ กินซุปเยื่อไผ่แต่ ไม่หากินกับส่วนต่าง ไม่หากินกับงบปฏิทิน ไม่หากินกับตึก Skyy9 ไม่กินบ้านกินเมืองจ้า”
พร้อมแนบภาพขณะนั่งรับประทานอาหารเรียบง่ายอยู่ที่ร้านขาหมูบางหว้า สถานี จส.100 ทำเอาโซเชียลเดือดพล่านทันที ชาวเน็ตแห่แชร์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ติดตามสถานการณ์การเมืองและกรณีการใช้งบประมาณของภาครัฐที่ถูกตั้งข้อสังเกตอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา
ปมเดือด “Skyy9” กลับมาร้อนอีกครั้ง
ข้อความดังกล่าวของรักชนก ถูกตีความว่าเป็นการพาดพิงไปยังกรณีคดีความที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นฝ่ายโจทก์ ฟ้องคดีหมิ่นประมาทต่อ รักชนก ศรีนอก และ สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคเดียวกัน
สาเหตุของการฟ้องร้องในครั้งนี้ มาจากการที่ทั้งสอง ส.ส. ออกมาแสดงความคิดเห็นและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ดำเนินการจัดซื้ออาคาร Skyy9 ด้วยวงเงินมหาศาลกว่า 7,000 ล้านบาท ในช่วงที่นายสุชาติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยทั้งรักชนกและสหัสวัตได้ออกมาเปิดเผยผ่านช่องทางสาธารณะว่า การใช้งบประมาณดังกล่าวอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเหมาะสม และความโปร่งใส
“ขาหมู-ส้มตำ” กับ “Skyy9” คำเปรียบเปรยที่สะเทือนใจ
แม้ว่าโพสต์ดังกล่าวจะไม่ได้พูดถึงชื่อบุคคลใดโดยตรง แต่ด้วยบริบทของช่วงเวลาที่เกิดขึ้น และเนื้อความที่ใช้คำว่า “ไม่หากินกับส่วนต่าง”, “ไม่หากินกับงบปฏิทิน” และ “ไม่หากินกับตึก Skyy9” ก็ทำให้หลายฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าเป็นการสื่อสารในเชิงเสียดสีและสะท้อนถึงความไม่เห็นด้วยกับการใช้งบประมาณของภาครัฐในโครงการที่มีข้อสงสัยในด้านความโปร่งใส
ข้อความสั้น ๆ แต่หนักแน่นของรักชนก จึงถูกมองว่าเป็นทั้งการ “ยืนหยัดในจุดยืน” และการ “ยั่วเชิงสัญลักษณ์” ที่ฉลาดเฉียบในแบบฉบับของนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่ใช้โลกโซเชียลเป็นพื้นที่สื่อสารถึงประชาชนและส่งสารถึงผู้มีอำนาจ
ฝั่ง “สหัสวัต” ยังเงียบ – แต่คดีไม่จบ
ในขณะที่รักชนกออกมาเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายสหัสวัต คุ้มคง ซึ่งเป็นจำเลยร่วมในคดีเดียวกัน ยังไม่ได้มีการออกมาแสดงความเห็นเพิ่มเติม หรือเปิดเผยแนวทางการต่อสู้คดีต่อสาธารณะเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมพรรคอย่างรักชนก แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ดำเนินการใด ๆ อยู่เบื้องหลัง
หลายฝ่ายจับตามองว่าหากคดีนี้เดินหน้าสู่กระบวนการพิจารณาในศาลอย่างจริงจัง อาจกลายเป็นกรณีศึกษาใหม่เกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความเห็นของผู้แทนราษฎร ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณและการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา
ปชช. แห่ให้กำลังใจ – “อย่าทำให้ผิดหวัง”
นอกจากเนื้อหาที่เข้มข้น โพสต์ของรักชนกยังได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก มีทั้งข้อความให้กำลังใจ แสดงความคิดเห็นชื่นชม และยืนยันว่าจะสนับสนุนการทำงานของเธอต่อไป เช่น:
“ท่ากินยังสวย”
“สวย และเก่งครับ fc ครับผม”
“ชื่นชมมาตลอด อย่าทำให้ผิดหวังนะ สนับสนุนตลอดไป”
“สู้ ๆ ครับ ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อประชาชนครับ”
การที่นักการเมืองหญิงคนหนึ่งซึ่งยังอายุน้อย สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้อย่างต่อเนื่อง นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเธอใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์เพื่อเชื่อมโยงกับประชาชน และกล้าพูด กล้าทำในเรื่องที่สังคมตั้งคำถาม
การเมืองยุคใหม่ – ต้องชัด และต้องจริงใจ
โพสต์ของรักชนก อาจเป็นแค่คำพูดสั้น ๆ หนึ่งย่อหน้า แต่สะท้อนภาพใหญ่ของการเมืองไทยยุคใหม่ได้อย่างชัดเจน นักการเมืองที่ประชาชนต้องการในวันนี้ ไม่ใช่เพียงผู้ที่มีภาพลักษณ์ดี หรือพูดจาไพเราะ แต่คือคนที่กล้าลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และพร้อมรับมือกับแรงต้านจากผู้มีอำนาจโดยไม่หวั่นไหว
รักชนกไม่ได้พูดเพียงเพื่อความสะใจ เธอพูดในฐานะผู้แทนประชาชน และพูดในช่วงเวลาที่ “ความเงียบ” อาจเป็นอันตรายต่อความโปร่งใสของประเทศ
เสียงจากขาหมูสู่ความยุติธรรม
เรื่องราวของ “ขาหมู-ส้มตำ-ซุปเยื่อไผ่” อาจดูเหมือนเรื่องเล็กในสายตาบางคน แต่เมื่อข้อความดังกล่าวเชื่อมโยงกับปมใหญ่ระดับงบประมาณพันล้าน มันจึงไม่ใช่แค่เรื่องอาหารกลางวันธรรมดาอีกต่อไป
นี่คือเสียงของ ส.ส. ที่กล้าพูดในสิ่งที่สังคมอยากรู้ นี่คือพลังของประชาชนที่พร้อมสนับสนุนความจริง และนี่คือ “การเมืองใหม่” ที่ไม่หากินกับบ้านเมือง










