แฉอีก! หนึ่งในผู้จัดงานวิ่งสวนหลวง ร.9 เคยโดนร้องเรียนโกงเงินติวเตอร์
ช็อกวงการนักวิ่ง! งาน "Run for Destination 2025" กลายเป็นมาราธอนล่องหน ไม่มีผู้จัด-ไม่มีอะไรเลย นักวิ่งนับพันแห่ฟ้องถูกหลอกสูญเงินกว่า 6 แสน
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เมื่อกิจกรรมงานวิ่งที่มีชื่อว่า “Run for Destination 2025” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ณ สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร กลับกลายเป็นงาน “ลวงโลก” ที่ไม่มีแม้แต่ผู้จัดงาน คนดูแล หรือเจ้าหน้าที่ใด ๆ ปรากฏตัวในพื้นที่ แม้แต่น้อย ทั้งที่มีผู้สมัครเข้าร่วมงานจำนวนมากกว่า 1,000 คน และจ่ายเงินค่าสมัครเรียบร้อยแล้ว
นักวิ่งแห่รวมตัวตั้งแต่ตีห้า แต่ไร้วี่แววผู้จัด
เหตุการณ์เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 พ.ค. เมื่อกลุ่มนักวิ่งทยอยเดินทางมาถึงสวนหลวง ร.9 เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมตามที่ได้สมัครไว้ โดยในบริเวณงานมีเพียงแค่ซุ้มประตูปล่อยตัวนักวิ่ง ซึ่งเขียนป้ายงานผิดพลาดโดยระบุเป็นปี 2024 แทนที่จะเป็น 2025 และที่สำคัญคือ ไม่มีการจัดกิจกรรมใดเกิดขึ้น ไม่มีผู้ประสานงาน ไม่มีเสียงประกาศ ไม่มีน้ำดื่ม หรือเจ้าหน้าที่ใดปรากฏตัวเลย
นักวิ่งหลายร้อยคนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ และเมื่อเวลา 06.00 น. ที่ควรเป็นช่วงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งตามกำหนด ทุกคนยังคงยืนอยู่ที่เดิม ต่างคนต่างงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครมาแจ้งข่าว ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
สองผู้จัดงานโผล่เข้าพบตำรวจ ยอมรับพลาด – อ้างโดนออร์กานไนซ์เท
หลังเกิดกระแสดราม่าหนักในโลกโซเชียล ต่อมาในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นางสาวสุชานันท์ อายุ 31 ปี และ นางสาวมลฤดี อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสองผู้ที่ระบุว่าเป็นผู้จัดงาน ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เป็นเวลานานกว่า 8 ชั่วโมง โดยให้ข้อมูลว่า ทั้งคู่ร่วมกันเปิดบริษัทรับจัดอีเวนต์ และงานนี้ถือเป็น “ครั้งแรก” ที่รับงานวิ่ง
นางสาวสุชานันท์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มีความตั้งใจจริงที่จะจัดงาน แต่เมื่อใกล้วันงานเพียงไม่กี่วัน บริษัทออร์กานไนซ์ที่ว่าจ้างไว้เกิดถอนตัวกะทันหัน ทำให้ไม่มีใครสามารถดำเนินการต่อในระยะเวลาอันสั้นได้
แม้ทั้งคู่จะพยายามติดต่อหาออร์กานไนซ์ใหม่ และแก้ปัญหาหลายทาง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถจัดงานได้สำเร็จ และต้องยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดอย่างมาก ตนรู้สึกเสียใจและกำลังหารือเรื่องการเยียวยาผู้สมัครอยู่ในขณะนี้
“พิธีกรดัง” พิตต้า ณ พัทลุง ก็โดนเท – มารอตั้งแต่เช้า เผยตกใจไม่ต่างจากนักวิ่ง
หนึ่งในบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากความล้มเหลวของงานนี้คือ “พิตต้า ณ พัทลุง” พิธีกรสาวชื่อดังที่ถูกจ้างให้มาเป็นพิธีกรในงาน เธอเผยว่า เดินทางมาถึงสถานที่ตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อเตรียมงาน แต่กลับพบว่างานไม่มีการจัดจริง ไม่มีการปล่อยตัว ไม่มีทีมงานหรือฝ่ายประสานงาน
เมื่อเห็นนักวิ่งเริ่มโวยวาย พิตต้าจึงเดินทางไปยัง สน.ประเวศ เพื่อแจ้งบันทึกประจำวัน และพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกับทีมผู้จัด โดยยืนยันว่าไม่ได้ติดใจใด ๆ กับเหตุการณ์นี้ แต่หวังว่าผู้สมัครทุกคนจะได้รับการเยียวยาอย่างเหมาะสม
ประวัติไม่ธรรมดา! หุ้นส่วนผู้จัดงานโผล่ในเว็บเช็กโกง-กลุ่มเฟซบุ๊กเตือนภัย
จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังของสองผู้จัดงาน มีรายงานระบุว่า นางสาวมลฤดี หนึ่งในหุ้นส่วนของ หจก.ต้นสนเก้าเก้า สปอร์ตคอมเพล็กซ์ มีชื่อปรากฏในเว็บไซต์ "checkkong.com" ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้ประชาชนรายงานการโกง พบว่ามีการระบุว่าเธอเคยฉ้อโกงค่านายหน้าติวเตอร์ 2 ครั้ง ยอดรวม 2,250 บาท ผ่านบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ
ขณะที่ นางสาวสุชานันท์ หุ้นส่วนอีกรายก็ถูกกล่าวอ้างในกลุ่มเฟซบุ๊ก “หาครูสอนพิเศษตัวต่อตัว” ว่าเคยมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ นักเรียนหายบ่อย เงียบขณะเรียน และมีบัญชีธนาคารเชื่อมโยงกับบัญชีที่เปิดผ่านโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยว่าการจัดงานวิ่งครั้งนี้อาจมีเจตนาแอบแฝงตั้งแต่ต้น
ใช้ชื่อจดห้างเพื่อหลอกเงิน? วิธีโกงแบบใหม่ที่ควรจับตา
นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญบางรายให้ความเห็นว่า รูปแบบการฉ้อโกงในลักษณะนี้เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น คือการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดภายใต้ชื่อธุรกิจที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น “กิจกรรมการแข่งขันกีฬา” จากนั้นเปิดบัญชีธนาคารในชื่อห้าง แล้วประกาศจัดงานตามช่องทางโซเชียลต่าง ๆ เพื่อหลอกให้ผู้สนใจสมัครและโอนเงินค่าสมัครเข้าไป
ในกรณีนี้ หากค่าสมัครอยู่ที่ 600 บาท และมีผู้สมัครเพียง 1,000 คน ผู้จัดก็จะมีรายรับมากกว่า 600,000 บาท โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย หากไม่มีการจัดงานจริง และผู้เสียหายไม่รวมตัวกันแจ้งความ ก็อาจลอยนวลได้
นักวิ่งเตรียมรวมตัวฟ้อง – เรียกร้องความยุติธรรม
หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น กลุ่มนักวิ่งจำนวนมากได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มบนเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องสิทธิและวางแผนยื่นฟ้องดำเนินคดี พร้อมนำหลักฐานการโอนเงิน สลิปการชำระค่าสมัคร และภาพถ่ายหน้าซุ้มประตูในวันเกิดเหตุ มอบให้ตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
หลายคนมองว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความผิดพลาดธรรมดา แต่เข้าข่าย "ฉ้อโกงโดยเจตนา" ซึ่งตามกฎหมายแล้วสามารถเอาผิดในทางอาญาได้
บทเรียนครั้งใหญ่ของวงการอีเวนต์วิ่ง – อย่าหลงเชื่อง่ายๆ กับอีเวนต์ที่ไม่มีมาตรฐาน
เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงให้กับทั้งนักวิ่ง และคนที่ชื่นชอบเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ว่า ก่อนจะสมัครเข้าร่วมงานใด ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ผู้จัดงานมีตัวตนจริงหรือไม่ เคยมีผลงานมาก่อนหรือเปล่า มีรีวิวจากผู้เข้าร่วมในอดีตหรือไม่ และมีระบบการจ่ายเงินที่โปร่งใสหรือไม่
หวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์สำคัญ และกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐเข้ามาควบคุมดูแล ตรวจสอบมาตรฐานการจัดกิจกรรมสาธารณะให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป






















