"พระเบนซ์" ไม่หวั่นดราม่า! ขอตั้งมั่นในศรัทธา หลังโดนวิจารณ์เรื่องชงกาแฟ
"พระชงกาแฟ" กลายเป็นไวรัล! เปิดใจ “พระเบนซ์” พระลูกวัดสุดหล่อจากราชบุรี กับเสียงสะท้อนสองด้านของสังคมพุทธในยุคดิจิทัล
โลกโซเชียลกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากมีการแชร์คลิปวิดีโอจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Benz Saran” ซึ่งเป็นพระลูกวัดโพธิ์รัตนาราม ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยในคลิปดังกล่าวปรากฏภาพของพระภิกษุรูปหนึ่ง กำลังชงกาแฟสดด้วยเครื่องชงแบบมืออาชีพ พร้อมแนบแคปชั่นสั้น ๆ แต่สะดุดตาว่า “ลองชิมมั้ยคุณโยม555”
จากแค่คลิปธรรมดาที่ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกิจกรรมยามว่างทั่วไปของคนยุคใหม่ แต่เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับสถานะ “พระภิกษุ” ในสังคมไทย ซึ่งยังคงมีความละเอียดอ่อนเรื่องวัตรปฏิบัติและภาพลักษณ์ ส่งผลให้คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ “พระเบนซ์” ผู้เป็นเจ้าของคลิป มีรูปร่างหน้าตาดี ภาพลักษณ์สะอาดสะอ้าน จนกลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตเพียงชั่วข้ามคืน
แต่เมื่อมีแสงสว่าง ก็ย่อมมีเงามืดตามมา คลิปดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งแรกคือกลุ่มผู้ชื่นชมที่มองว่า พระเบนซ์คือภาพแทนของพระยุคใหม่ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน มีความเป็นกันเอง เข้าใจเทคโนโลยี และสามารถเป็นสะพานในการสื่อสารธรรมะให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้
อีกฝั่งหนึ่งกลับวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนในประเด็นด้านพระธรรมวินัย โดยบางความเห็นมองว่าพฤติกรรมของพระเบนซ์เป็นสิ่งไม่เหมาะสมต่อสถานะของสงฆ์ เช่น ความเห็นที่ว่า “พระปรุงอาหารถือว่าผิดวินัย”, “ชงกาแฟโชว์แบบนี้คล้ายโฆษณา”, หรือแม้แต่ “ดูเหมือนไม่สำรวม ไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต”
เปิดใจ “พระเบนซ์” กับชีวิตก่อนบวช และเส้นทางสู่ความสงบ
จากเสียงวิจารณ์ที่ถาโถมเข้ามา พระเบนซ์ หรือ “พระศรัณย์ สันตมโน” ก็ได้เปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนเองได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2568 ด้วยจุดประสงค์เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ โดยในตอนแรกตั้งใจจะบวชเพียงเดือนเดียวเพื่อศึกษาพระธรรมเบื้องต้น แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตในร่มเงาพระธรรม กลับรู้สึกสงบ มีความสุข จึงตัดสินใจอยู่ต่อเนื่องจนเข้าสู่เดือนที่สอง
สำหรับคลิปดังกล่าว พระเบนซ์ชี้แจงว่า ถ่ายทำในขณะที่ไปช่วยงานบำเพ็ญกุศลศพของโยมแม่ท่านเจ้าอาวาสวัดหัวโป่ง ซึ่งตนได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเครื่องดื่มสำหรับพระผู้ใหญ่ โดยการชงกาแฟถือเป็นกิจกรรมที่ตนเคยทำเป็นประจำในช่วงเป็นฆราวาส เมื่อมีเวลาว่างในงานจึงได้บันทึกคลิปไว้โดยไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และขอยอมรับว่ายังมีความรู้เรื่องพระธรรมวินัยไม่สมบูรณ์ จึงเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ต้องเรียนรู้
ชีวิตที่พลิกผันจากนายแบบสู่วิถีแห่งธรรม
พระเบนซ์ยังเผยถึงชีวิตก่อนบวชว่า เคยทำงานในวงการบันเทิง รับงานเป็นนายแบบ ถ่ายโฆษณา รีวิวสินค้า เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในโลกออนไลน์ และเคยครอบครองทรัพย์สินมากมาย ทั้งบ้าน รถหรู ที่ดิน และของใช้แบรนด์เนม
แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทรัพย์สินทั้งหมดสูญหายด้วยเหตุผลส่วนตัว จนชีวิตมาถึงจุดที่ต้องทบทวนตนเองใหม่ สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ และพบว่า “ความสุขที่แท้จริง” ไม่ได้อยู่ที่วัตถุ แต่คือความสงบภายในใจ
เจ้าอาวาสวัดโพธิ์รัตนารามยัน ไม่มีผิดวินัยสงฆ์ เพียงขอให้สำรวมยิ่งขึ้น
ด้านพระปลัดสุวัฒน์ชัย รองเจ้าอาวาสวัดโพธิ์รัตนาราม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระเบนซ์เป็นพระที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจปฏิบัติกิจสงฆ์อย่างเคร่งครัด ทั้งทำวัตรเช้าเย็น ทำความสะอาดอุโบสถและสถานที่ต่าง ๆ ในวัดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สำหรับกรณีคลิปชงกาแฟ ยืนยันว่าพระเบนซ์ทำไปด้วยจิตอาสา ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงหรือแสวงหาผลประโยชน์ และไม่ถือเป็นการละเมิดพระวินัย
แต่ก็ได้มีการตักเตือนและกำชับให้ระมัดระวังในการนำเสนอเนื้อหาในโลกโซเชียลมากยิ่งขึ้น เพราะแม้จะมีเจตนาดี แต่เมื่อกลายเป็นประเด็นสาธารณะก็ต้องเผชิญกับหลากหลายมุมมอง ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและสถาบันสงฆ์โดยรวม
วัดแจงไม่ได้เปิดขายกาแฟ – ชี้แจงญาติโยมที่เดินทางมาด้วยความเข้าใจผิด
หลังคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ปรากฏว่ามีญาติโยมจำนวนไม่น้อยเดินทางมาที่วัดโพธิ์รัตนาราม โดยเฉพาะผู้หญิงที่มาเพียงเพื่อถามหากาแฟจาก “พระเบนซ์” จนทางวัดต้องชี้แจงชัดเจนว่า ไม่มีการเปิดร้านขายกาแฟแต่อย่างใด และไม่ได้มีการจำหน่ายสินค้าใด ๆ จากพระภิกษุ เพราะถือเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังตามหลักวินัยสงฆ์
ข้อคิดจากคลิปไวรัล: สะท้อนบทบาทพระสงฆ์ไทยในยุคออนไลน์
กรณีของพระเบนซ์ คือภาพสะท้อนสำคัญของความเปลี่ยนแปลงในสังคมพุทธไทย เมื่อพระภิกษุเริ่มมีบทบาทบนสื่อโซเชียลมากขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังของสาธารณชนที่มีหลากหลาย ทั้งในมุมของความเคร่งครัดทางวินัย และความคาดหวังให้พระเป็นสื่อกลางในการเผยแผ่ธรรมะ
ในโลกยุคดิจิทัล ภาพลักษณ์ของพระภิกษุไม่ได้ถูกกำหนดจากแค่การเดินจงกรมหรือเทศนาในศาลาวัดอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมในโลกออนไลน์ที่อาจถูกตีความได้หลากหลาย การเป็นพระยุคใหม่จึงต้องเดินบนเส้นทางที่ละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น ระหว่าง “การปรับตัว” และ “การสำรวม”

















