จากกรณีคดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร!! ปิยบุตรโพสต์น่าคิด "ต่อไปนี้นายกฯ จะแปลงสภาพกลายเป็น “ปลัดประเทศ” ไปในที่สุด"
เป็นประวัติการณ์ ...หลังจากศาลปกครองสูงสุดแก้คำพิพากษาให้ อดีตนายกฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าเสียหายฐานปล่อยปละละเลยประมาทเลินล่อร้ายแรงปล่อยให้มีการทุตริตในโครงการรับจำนำข้าวเป็นเงิน 10,028 ล้านบาท
จนเจ้าตัวออกมาโพสต์ ตัดพ้อถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยุติธรรมแล้วหรือ หลังศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีจำนำข้าว เป็นหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ โอด 11 ปีที่ผ่านมา ต้องเจอยึดอำนาจ ยัดคดี อายัดทรัพย์ ถ้าไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่มีใครรู้
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีใน โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่เป็นผู้นำ โดยสรุปข้อกล่าวหาและประเด็นสำคัญคือ...
ข้อกล่าวหา: ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่รัฐ
ฐานความผิด: ผิดตาม มาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา (เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่) และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ประเด็นที่ถูกกล่าวหา ปล่อยให้มีการทุจริตในระบบ
โครงการจำนำข้าวมีการทุจริตในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การรับข้าวซ้ำซ้อน การสวมสิทธิ์ การขายข้าวแบบไม่โปร่งใส ฯลฯถึงแม้ยิ่งลักษณ์จะไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการทุจริต แต่ศาลระบุว่า “เธอทราบแล้วแต่ไม่ยับยั้งหรือแก้ไข” ไม่ยกเลิกโครงการแม้รู้ว่ามีปัญหา
ศาลชี้ว่าเธอได้รับรายงานเกี่ยวกับปัญหาในโครงการจำนำข้าวหลายครั้ง แต่ยังคงเดินหน้าโครงการโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายหรือการตรวจสอบอย่างจริงจัง
รัฐสูญเสียงบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท จากการรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าตลาด โดยไม่สามารถระบายข้าวได้ทัน จนทำให้ข้าวล้นสต๊อกและเสียหาย
คำพิพากษา วันที่ 27 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้ นางสาวยิ่งลักษณ์มีความผิด และลงโทษจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่มีคำพิพากษา เธอไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว และมีรายงานว่าเดินทางออกจากประเทศไทยก่อนหน้าการตัดสินคดี
คดีนี้ถูกมองโดยบางฝ่ายว่าเป็นการเมืองแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายสนับสนุนยิ่งลักษณ์มองว่าเธอทำตามนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่ได้มีเจตนาทุจริต
หากเป็นเช่นนี้ ด้านนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้สรุปไว้ในช่วงท้ายอย่างน่าคิดว่า ว่า "ต่อไป นายกรัฐมนตรีประเทศนี้จะไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้เลย
ไม่สามารถนำนโยบายที่รณรงค์หาเสียงมาปฏิบัติได้เลย เพราะ หากมีใครไม่เห็นด้วยกับนโยบาย ทักท้วงขึ้นมา นายกรัฐมนตรีก็ต้องหยุดทันที และหากบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ไม่อยากต้องรับผิด ถูกดำเนินคดี วิธีการปลอดภัยที่สุด คือ ไม่คิด ไม่เสนอสิ่งใหม่ ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องเสี่ยงใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้ระบบราชการทำกันไปตามแต่ละวัน นายกรัฐมนตรีก็จะแปลงสภาพกลายเป็น “ปลัดประเทศ” ไปในที่สุด "






















