สองคดีร้อน กับตระกูล “ชินวัตร” ที่ไม่เคยหายไปจากหน้าการเมืองไทย
วันนี้ดิฉันเองเป็นคนวัยกลางคนที่ผ่านโลกมาหลายยุค หลายรัฐบาล แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า “การเมืองไทย” นี่มันวนลูปจริงๆ นะคะ โดยเฉพาะเรื่องของตระกูล “ชินวัตร” ที่แม้จะผ่านรัฐประหาร ผ่านเลือกตั้งมากี่หน ชื่อนี้ก็ยังโผล่มาทุกครั้งในช่วงเวลาชี้ชะตาของประเทศ
ช่วงนี้มีข่าวใหญ่สองเรื่องที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ จากตระกูลเดียวกัน คือคุณยิ่งลักษณ์ กับคุณทักษิณ ที่สังคมกำลังจับตามอง
เรื่องแรก คือ ศาลปกครองสูงสุดกำลังจะตัดสินคดียึดทรัพย์คุณยิ่งลักษณ์ จากโครงการจำนำข้าว ซึ่งเป็นคดีเก่าที่หลายคนยังจำได้ว่าทำให้รัฐเสียหายหนัก รัฐบาลยุคนั้นเคยให้เธอชดใช้ 35,000 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล จนมีการฟ้องกลับ และศาลชั้นต้นก็บอกว่า “ไม่มีสิทธิยึด เพราะไม่ยุติธรรม”
วันนี้ศาลสูงสุดจะเป็นผู้ชี้ขาดว่าสุดท้ายแล้ว เธอจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ ถ้าศาลยืนยันว่าต้องจ่าย นั่นหมายถึงรัฐบาลยุคนั้นผิดจริง และอาจกลายเป็นเครื่องมือที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ขยายผลในอนาคต
ส่วนอีกเรื่อง ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน คือ คดีของคุณทักษิณ ที่ศาลฎีกาจะไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายน ว่ากลับมาแบบไหน มีการบังคับโทษจริงหรือไม่ ถ้าไม่ครบถ้วน อาจจะต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง และถ้าเป็นแบบนั้นก็จะเป็นภาพใหญ่ที่สะเทือนวงการเมืองไทยไม่น้อย
ดิฉันคิดว่า สองคดีนี้จะกลายเป็น “บทพิสูจน์” สำคัญว่า กระบวนการยุติธรรมของบ้านเรายังยืนอยู่บนหลักกฎหมายจริงหรือไม่ หรือว่าเรายังใช้ “กฎหมายเป็นเครื่องมือ” ทางการเมืองเหมือนในอดีต
และแน่นอนค่ะ ผลของสองคดีนี้จะกระทบโดยตรงต่อ “แพทองธาร” นายกฯ คนปัจจุบันที่เป็นลูกสาวของคุณทักษิณและหลานของคุณยิ่งลักษณ์ เพราะคนจะมองว่า รัฐบาลชุดนี้มีสายสัมพันธ์กับตระกูลชินวัตรลึกซึ้งแค่ไหน และพร้อมรับมือแรงกดดันแค่ไหน
ดิฉันในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเท่ากันภายใต้กฎหมาย ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าไม่ผิด ก็อย่าเอาเขามาเป็นเครื่องมือให้การเมืองดูชอบธรรมขึ้น
สุดท้ายไม่ว่าเราจะสนับสนุนฝ่ายไหน สิ่งที่เราต้องการเหมือนกันคือ “ความยุติธรรม” และ “ประเทศที่เดินไปข้างหน้าโดยไม่ต้องกลับมาทะเลาะเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก”










