หนุ่มอังกฤษสร้าง “พิพิธภัณฑ์กลิ่นเหม็น” แห่งแรกของโลก!!!
หนุ่มอังกฤษสร้าง “พิพิธภัณฑ์กลิ่นเหม็น” แห่งแรกของโลก จัดแสดงกลิ่นรองเท้าเก่า เนื้อเน่า และกลิ่นห้องน้ำสาธารณะ เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ผ่านกลิ่น
ลอนดอน – ในขณะที่พิพิธภัณฑ์ทั่วไปนิยมจัดแสดงของโบราณ ภาพวาด หรือสิ่งของหายาก แต่พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ในกรุงลอนดอนกลับเลือก “กลิ่นเหม็น” มาเป็นจุดขาย! “พิพิธภัณฑ์กลิ่นแห่งลอนดอน” (The Museum of Smells) เป็นสถานที่จัดแสดงกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ที่มนุษย์เคยประสบมาในประวัติศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นความทรงจำ สร้างประสบการณ์เฉพาะตัว และทำความเข้าใจวัฒนธรรมผ่านจมูก
ไอเดียแปลกนี้เป็นของชายวัย 34 ปีนามว่า “อลัน ฮาร์เปอร์” อดีตนักวิจัยด้านประสาทสัมผัสที่เกิดความหลงใหลใน “กลิ่น” ตั้งแต่ยังเด็ก เขาเคยเก็บรองเท้าเก่าของพ่อไว้เพราะชอบ “กลิ่นความทรงจำ” และเริ่มรวบรวมกลิ่นแปลก ๆ ทั่วโลกมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย โดยใช้เทคนิคการสกัดกลิ่นแบบวิทยาศาสตร์ผสมกับภูมิปัญญาชาวบ้าน
พิพิธภัณฑ์ของอลันมีการจัดแสดงกลิ่นมากกว่า 250 กลิ่น แบ่งเป็นหมวด เช่น
กลิ่นในประวัติศาสตร์: กลิ่นของสนามรบสมัยศตวรรษที่ 14 กลิ่นห้องน้ำในวังอังกฤษยุควิกตอเรีย
กลิ่นชีวิตประจำวัน: กลิ่นเบาะรถเมล์ในฤดูร้อน กลิ่นถังขยะเปียก
กลิ่นจากร่างกาย: กลิ่นรองเท้ากีฬาอายุ 10 ปี กลิ่นรักแร้ของนักเต้นบัลเลต์
กลิ่นแห่งความรัก: กลิ่นจดหมายรักเก่าที่ถูกเก็บในกล่องไม้หอมผสมกลิ่นน้ำหอมฟีโรโมนยุค 80
สิ่งที่น่าตกใจคือ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยยินดีซื้อตั๋วเพื่อเข้าสูดดมกลิ่นต่าง ๆ เหล่านี้ผ่าน “ห้องกลิ่น” ที่มีเครื่องพ่นกลิ่นแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งผู้เข้าชมต้องสวมหน้ากากพิเศษที่ต่อกับท่อกลิ่น และควบคุมปริมาณการดมผ่านรีโมต
อลันกล่าวว่า “คนเรามักจำภาพหรือเสียงได้ดี แต่กลิ่นต่างหากที่เก็บความทรงจำลึกสุดในสมอง บางคนร้องไห้ทันทีที่ได้กลิ่นน้ำยาถูพื้นสมัยประถม หรือกลิ่นห้องเรียนเก่าๆ มันเหมือนพาเขาย้อนเวลาโดยไม่ต้องดูภาพถ่ายเลย”
แม้หลายคนจะบ่นว่าบางกลิ่น “น่าสะพรึง” แต่ก็มีเสียงชื่นชมว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ท้าทายประสาทสัมผัสและเปิดโลกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเมื่อทางพิพิธภัณฑ์มีแผนจะเปิด “นิทรรศการกลิ่นเหม็นเฉพาะประเทศ” เช่น กลิ่นตลาดสดเวียดนาม กลิ่นห้องน้ำรถไฟในอินเดีย หรือแม้แต่กลิ่นห้องนอนของวัยรุ่นอเมริกันยุค 2000
ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์นี้เปิดบริการเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ และรับผู้เข้าชมไม่เกิน 30 คนต่อวัน โดยมีการจำกัดจำนวนกลิ่นที่สามารถดมได้ในหนึ่งวัน เพื่อป้องกันจมูกล้าและภาวะ “overstimulation” ทางกลิ่น
อลันทิ้งท้ายว่า “ในโลกที่ทุกอย่างพึ่งสายตาและหู ผมแค่อยากให้คนได้ลองเชื่อมต่อกับอดีต ผ่านสิ่งที่เราเคยพยายามหลีกเลี่
ยงมันมาตลอด – กลิ่นเหม็น”





















