เมืองเล็กในญี่ปุ่นจัดงานประมูล “เสียงหัวเราะ” ของประชาชน
เมืองเล็กในญี่ปุ่นจัดงานประมูล “เสียงหัวเราะ” ของประชาชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตและสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง
ในยุคที่ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตกำลังเป็นเรื่องท้าทายทั่วโลก เมืองโคมะซาวะ จังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างสรรค์ไอเดียสุดแปลกใหม่ โดยการจัดงาน “ประมูลเสียงหัวเราะ” ครั้งแรกของโลก เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตของประชาชนและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนอย่างสร้างสรรค์
งานนี้มีจุดเริ่มต้นจากความร่วมมือระหว่างสภาชุมชนเมืองโคมะซาวะและนักจิตวิทยาท้องถิ่น ที่เห็นว่าการหัวเราะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมี และเสียงหัวเราะสามารถช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และเสริมสร้างพลังบวกได้จริง งานประมูลนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนในเมืองบันทึกเสียงหัวเราะของตัวเองในรูปแบบไฟล์เสียงดิจิทัล จากนั้นเสียงหัวเราะเหล่านี้จะถูกนำมาประมูลในแพลตฟอร์มออนไลน์
โดยผู้ที่ชนะการประมูลจะได้รับสิทธิ์ในการใช้เสียงหัวเราะนั้นในเชิงพาณิชย์ เช่น นำไปใช้ในแอปพลิเคชันส่งเสริมสุขภาพจิต สื่อโฆษณา หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความสุขและความผ่อนคลาย นอกจากนี้ รายได้จากการประมูลจะถูกนำไปสนับสนุนกิจกรรมสุขภาพจิตและงานสังคมในเมืองโคมะซาวะต่อไป
ประธานสภาชุมชนโคมะซาวะกล่าวว่า “เราเชื่อว่าเสียงหัวเราะเป็นของขวัญที่มีค่าและมีพลังมหาศาลในการเชื่อมโยงคนในสังคม เราต้องการให้ทุกคนในเมืองมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น สนุกสนาน และช่วยกันขจัดความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน”
งานประมูลนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนจากหลายประเทศเข้าร่วมประมูลเสียงหัวเราะ เพื่อแสดงความสนับสนุนแนวคิดที่สร้างสรรค์และมีเป้าหมายเพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้นของมนุษย์
นักจิตวิทยาที่ร่วมงานนี้ยังเสริมว่า “การได้ยินเสียงหัวเราะของคนอื่นช่วยกระตุ้นสมองในส่วนที่สร้างความสุขและลดความเครียดได้จริงๆ มันเป็นการบำบัดที่ง่ายและเป็นธรรมชาติที่สุด ที่เราอยากเห็นขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ ทั่วโลก”
แนวคิดนี้ยังได้รับคำชมว่าเป็นนวัตกรรมทางสังคมที่แปลกใหม่ แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมที่ทำให้คนยิ้มได้เท่านั้น แต่ยังช่วยรวมพลังชุมชน สร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว และกระตุ้นให้คนใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น
เมืองโคมะซาวะหวังว่าในปีหน้าจะขยายกิจกรรมนี้ให้ใหญ่ขึ้น และเปิดโอกาสให้เมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นและทั่วโลกได้นำโมเดลนี้ไปใช้เป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพจิตของชุมชนอย่างยั่งยืน




















