พังทั้งมง! "ควีนเทียน" สาวงามเวียดนาม โดนจับกลางเมือง ข้อหาฉ้อโกง
ดราม่าสั่นโซเชียล! “ควีนเทียน” มิสแกรนด์อินเตอร์ฯ 2021 ถูกจับข้อหาโฆษณาอาหารเสริมเท็จ หลอกผู้บริโภคกว่าแสนราย
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการนางงามและอินฟลูเอนเซอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อ “เหงียน ตุ๊ก ตย เตียน” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ควีนเทียน” (Nguyen Thuc Thuy Tien) สาวงามเจ้าของตำแหน่ง Miss Grand International 2021 และหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ระดับท็อปของประเทศเวียดนาม ถูกตำรวจจับกุมอย่างเป็นทางการในข้อหา หลอกลวงผู้บริโภค จากการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม “Kera Supergreens Gummies” ซึ่งมีการอ้างสรรพคุณเกินจริงและมีการตรวจพบว่าคุณภาพไม่เป็นไปตามที่ระบุไว้
เส้นทางแห่งชื่อเสียงก่อนเจอมรสุม
ควีนเทียนไม่ใช่เพียงแค่นางงามธรรมดา แต่เธอเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับวัยรุ่นเวียดนามหลายล้านคน ด้วยภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก มีบุคลิกที่ชัดเจน และสื่อสารเก่ง ทำให้เธอได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2021 อย่างสง่างาม
หลังจากคว้ามงกุฎ เธอกลายเป็นเซเลบริตี้ทันที ได้รับการเชิดชูจากสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีผลงานบันเทิง ทั้งรายการเรียลลิตี้ การถ่ายแบบ และการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย อีกทั้งยังเคยได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติจากนายกรัฐมนตรีเวียดนามและองค์กรสหพันธ์เยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์
แต่ใครจะคาดคิดว่าในอีกไม่กี่ปีถัดมา เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์จะเปลี่ยนเป็นเส้นทางแห่งดราม่าและการต่อสู้ทางกฎหมาย...
เบื้องหลังการโปรโมตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอม
ต้นตอของเรื่องเกิดจากการที่ควีนเทียนร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอีก 2 ราย ได้แก่ ฟาม กวาง ลิง (Pham Quang Linh) และ ฮัง ซู มุก (Hang Du Muc) ร่วมกันโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “Kera Supergreens Gummies” โดยอ้างว่าเป็นกัมมี่ที่มีใยอาหารสูง เพียงทานวันละเม็ดก็เทียบเท่ากับการรับประทานผักหนึ่งจาน
คำโฆษณานี้สร้างความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ ส่งผลให้ยอดขายพุ่งทะลุกว่า 100,000 กล่อง ภายในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและเชื่อมั่นในคำพูดของเซเลบที่ตนชื่นชอบ
อย่างไรก็ตาม มีประชาชนบางรายเริ่มสงสัยในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และนำตัวอย่างไปส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการ ซึ่งผลที่ออกมา สร้างความตกตะลึงไม่น้อย เมื่อพบว่า กัมมี่แต่ละเม็ดมีใยอาหารเพียง 16 มิลลิกรัม เท่านั้น จากที่อ้างว่าให้ถึง 200 มิลลิกรัม
ข้อเท็จจริงที่ถูกเปิดเผย และวัตถุดิบคุณภาพต่ำ
นอกจากปริมาณใยอาหารที่ต่ำกว่าคำโฆษณาแล้ว ผลการตรวจสอบยังพบอีกว่า ผลิตภัณฑ์มีการใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญ ไม่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับ “ซอร์บิทอล” ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มักพบในยาระบาย ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้บริโภคหากใช้ในปริมาณที่มากเกินควร
ข้อเท็จจริงที่ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจอย่างมาก โดยเฉพาะในโลกโซเชียลเวียดนามที่มีการพูดถึงกรณีนี้อย่างกว้างขวาง และเรียกร้องให้ทางการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
การดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามได้มีการเรียกตัวทั้ง 3 อินฟลูเอนเซอร์เข้ามาสอบสวนเบื้องต้น พร้อมทั้งมีคำสั่งปรับและให้ทั้งสามคนออกมาขอโทษต่อสาธารณชน
อย่างไรก็ตาม การขอโทษดูจะไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อในเดือนถัดมา มีคำสั่งจับกุม ฟาม กวาง ลิง และ ฮัง ซู มุก ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลอม
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางการเวียดนามได้ควบคุมตัว ควีนเทียน พร้อมแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ร่วมลงทุนและโปรโมตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยตั้งข้อหาว่า “หลอกลวงผู้บริโภค” และเตรียมดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับวงการอินฟลูเอนเซอร์และผู้บริโภค
เหตุการณ์นี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการใช้ชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดียในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ แม้ว่าจะมีการตรวจสอบบางระดับ แต่หากขาดความโปร่งใสหรือจริยธรรม ก็สามารถนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลได้
ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามกับการโฆษณาบนโลกออนไลน์ ว่าควรเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด และใครควรเป็นผู้รับผิดชอบหากสินค้าไม่ได้มาตรฐานจริง
ส่วนในมุมของอินฟลูเอนเซอร์เอง กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นของการตรวจสอบสินค้าที่จะรับโปรโมตอย่างละเอียดก่อนการตกลงร่วมงาน เพราะชื่อเสียงที่สั่งสมมาอาจพังทลายลงได้ในพริบตา หากมีการโฆษณาผิดจรรยาบรรณ
บทเรียนครั้งใหญ่: จากมงกุฎระดับโลกสู่ข้อหาหลอกลวง
เส้นทางชีวิตของควีนเทียนถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนผ่านจากจุดสูงสุดของชีวิต สู่สถานการณ์วิกฤตที่อาจเปลี่ยนอนาคตของเธอไปตลอดกาล
แม้ตอนนี้คดียังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเวียดนาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อชื่อเสียงของเธออย่างมาก และทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่า เธอจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร
สรุป:
กรณีของควีนเทียนไม่ใช่เพียงแค่ข่าวบันเทิงหรือนางงามเสียชื่อเสียง แต่เป็นบทเรียนที่สะท้อนความรับผิดชอบของคนมีชื่อเสียงต่อสังคม และสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอินฟลูเอนเซอร์ที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างจริงจัง























