แม่สาว 17 สวนเดือด! “สมรักษ์” โดนจวกกลับ ปมข่าวเรียกสินสอด 1.8 ล้าน
ดราม่าร้อน! ครอบครัวเด็กสาววัย 17 ปีโต้เดือด "สมรักษ์ คำสิงห์" หลังอ้างเสนอขันหมาก 1.8 ล้าน ชี้เป็นข่าวบิดเบือน ทำร้ายจิตใจไม่เลิก
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สะเทือนวงการบันเทิงและสังคมออนไลน์อีกครั้ง เมื่ออดีตนักมวยชื่อดัง "สมรักษ์ คำสิงห์" ได้ออกมากล่าวถึงกรณีคดีความที่เกี่ยวข้องกับเด็กสาววัย 17 ปี โดยอ้างว่าได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของฝ่ายหญิง เพื่อยื่นข้อเสนอให้เรื่องราวจบลงด้วยการสู่ขอ พร้อมสินสอดมูลค่าถึง 1.8 ล้านบาท เพื่อเป็นการ "รับผิดชอบ" และ "ตกลงกันนอกศาล"
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เรื่องราวกลับพลิกผันอย่างรุนแรง เมื่อครอบครัวของเด็กสาวได้ออกมาแถลงผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียอย่างหนักแน่นว่า "ไม่เป็นความจริง" พร้อมปฏิเสธข้อมูลของสมรักษ์อย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่าไม่เคยมีการเรียกสินสอด หรือมีความประสงค์ที่จะตกลงจบคดีด้วยเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวดังกล่าวอาจเกิดจากผู้ไม่หวังดีที่ต้องการปั่นกระแสหรือสร้างความสับสนให้สังคม
แม่ลั่น! "หน้า ก็ยาวเอดเลด ไผ่สิไปมัก" สื่อชัดเจนว่าไม่เคยคิดให้ลูกสาวคบหากับสมรักษ์
ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่อนอยู่ในสังคมออนไลน์ ผู้เป็นมารดาของสาววัย 17 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนว่า เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากต่อข่าวที่ระบุว่า ทางครอบครัวเรียกสินสอด 1.8 ล้านบาทเพื่อให้เรื่องจบ เธอยืนยันอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่เคยคิดจะให้ลูกไปคบหากับผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ” พร้อมกล่าวประชดในภาษาท้องถิ่นที่กลายเป็นประโยคเด็ดในโซเชียลทันทีว่า “หน้า ก็ยาวเอดเลด ไผ่สิไปมัก” หรือแปลเป็นภาษากลางว่า “หน้าตาก็อย่างนั้น ใครจะไปชอบได้ลง”
คำพูดนี้ ไม่เพียงเป็นการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยังแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บช้ำและโกรธเคืองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ครอบครัวรู้สึกว่าการกล่าวอ้างของสมรักษ์เป็นการซ้ำเติมและทำลายความสงบสุขในชีวิตของลูกสาวที่พยายามเริ่มต้นใหม่อย่างเงียบๆ
ป้าเผยหลานสาวมีแฟนใหม่แล้ว ไม่ต้องการให้ "สมรักษ์" มาเกี่ยวข้องอีกต่อไป
นอกจากแม่ของสาววัย 17 ปีจะออกมาแสดงจุดยืนแล้ว ป้าของเธอก็ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ขณะนี้หลานสาวกำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน และพยายามกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่เด็กสาวคนหนึ่งควรจะได้ใช้ชีวิต โดยเฉพาะในวัยที่กำลังเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานและการเติบโตอย่างอิสระ
“หลานมีแฟนใหม่แล้ว เป็นคนดี ทำงานสุจริต ไม่มีใครในบ้านคิดถึงเรื่องเก่าๆ อีก ทุกคนอยากให้มันจบ” เธอกล่าว พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ครอบครัวไม่ต้องการให้สมรักษ์เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของหลานสาวอีก ไม่ว่าจะในแง่ใดก็ตาม เพราะมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตและความมั่นคงทางอารมณ์ของเธอ
ข่าวที่เกี่ยวข้องกับ "ขันหมาก 1.8 ล้าน" ที่ถูกขุดขึ้นมานั้น จึงยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่า มีบางฝ่ายอาจต้องการสร้างความเข้าใจผิด หรือมีเจตนาปลุกกระแสในทางลบ
ครอบครัวเตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของลูกสาว
เนื่องจากผลกระทบจากข่าวบิดเบือนในครั้งนี้รุนแรงเกินกว่าที่ครอบครัวจะรับไหว ล่าสุดทางครอบครัวของเด็กสาววัย 17 ปีกำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรึกษาทนายความอย่างจริงจัง เพื่อดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ
1. การร้องเรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบแหล่งข่าว ที่แพร่ข้อมูลเท็จ
2. การดำเนินคดีทางกฎหมาย กับผู้ที่เผยแพร่หรือกระจายข้อมูลโดยเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง
โดยทางครอบครัวยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ชื่อเสียงและจิตใจของลูกสาวต้องบอบช้ำจากกระแสข่าวที่ไม่มีมูลอีกต่อไป พร้อมเรียกร้องให้สื่อมวลชนและประชาชนเปิดใจรับฟัง “อีกด้าน” ของเรื่องราวที่ไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อน
คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องดราม่าธรรมดา แต่สะท้อนปัญหาสังคมในหลายมิติ
ประเด็นของสมรักษ์และเด็กสาววัย 17 ปี ไม่ได้เป็นเพียงแค่ดราม่าของคนดังที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างทางสังคมหลายประการ เช่น
การใช้ชื่อเสียงและสื่อเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องแบบ “ฝ่ายเดียว”
ปรากฏการณ์ victim blaming หรือการกล่าวโทษเหยื่อ
การที่ผู้มีอำนาจในวงการต่างๆ พยายามใช้เงินหรือชื่อเสียงเพื่อเจรจาจบคดี
และสุดท้ายคือการทำลายโอกาสของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ควรได้รับการปกป้องและสนับสนุนมากกว่าการซ้ำเติม
สรุป: ความจริงมีหลายด้าน...แต่จิตใจคนไม่ควรถูกเล่นเป็นของเล่น
ในท้ายที่สุด แม้ว่าความจริงในเรื่องนี้จะยังคงมีหลายแง่มุมที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ 100% จนกว่าศาลจะตัดสินหรือมีหลักฐานที่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่สังคมควรตระหนักคือ "จิตใจของคน" ไม่ควรถูกทำลายด้วยข่าวลือ การปั่นกระแส หรือการแสดงความคิดเห็นที่ปราศจากข้อเท็จจริง
ครอบครัวของเด็กสาววัย 17 ปีได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปกป้องลูกหลานอย่างสุดกำลัง และในขณะเดียวกันก็เป็นกระบอกเสียงให้สังคมเข้าใจว่า ไม่ใช่ทุกเรื่องที่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง จะสามารถ "ปิดจบ" ได้เสมอไป
















