แฉแชตดาราสาว! เจ้าหนี้ทวงเงิน เจอคำตอบสุดช็อก ทำเอาหน้าชา
แชตเดือดกลางโซเชียล! ดาราสาวถูกเจ้าหนี้ทวงเงิน ตอกกลับสุดแซ่บ “รอได้เป็นปี ทำไมรออีกวันไม่ได้?” – ชาวเน็ตเดือด ซัดพฤติกรรมไม่เหมาะสม
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อล่าสุดเพจดัง “ท่านเปา” ได้เปิดเผยแชตสนทนาระหว่างดาราเซเลปสาวรายหนึ่ง กับเจ้าหนี้ที่ออกมาทวงถามเรื่องเงินที่ติดค้างกันไว้ ซึ่งเนื้อหาการสนทนาดังกล่าว ทำเอาหลายคนถึงกับต้องอึ้ง เพราะแทนที่ฝ่ายลูกหนี้จะขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบ กลับตอบโต้ด้วยถ้อยคำเชิงประชดประชัน และไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
บทสนทนาที่กลายเป็นไฟลุก! เมื่อเจ้าหนี้ทวงเงิน ดาราสาวกลับสวนแรง
เหตุการณ์เริ่มต้นจากฝั่งเจ้าหนี้ที่ส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายว่า:
“เข้าในเมืองแล้วก็อย่าลืมเอาเงินใส่ตู้แล้วโอนมานะคะ”
ข้อความดังกล่าวไม่ได้มีการใช้ถ้อยคำรุนแรง เป็นการเตือนทวงอย่างสุภาพตามปกติ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้หลายคนต้องขมวดคิ้วทันที เพราะดาราสาวคนดังตอบกลับว่า:
“ไม่ว่างค่ะ เพราะต้องไปหลายที่ ตอนไหนก็ตอนนั้น ตอนมีไม่ทัก ทั้ง ๆ ที่รู้นานแล้วเกือบผีเพิ่งทักมา เข้าใจว่าไม่ทวงเป็นไม่ได้ ที่เพิ่งอยากทวง มาหักทำไมตอนนี้ ขนาดรอเป็นปียังรอได้ รอสักวันจะเป็นอะไร เอาจริง ๆ ปกติเจ้าหนี้ ต่อให้ไม่ทวงนานแค่ไหน ก็ควรทักมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทักมา รอได้รอค่ะ”
การตอบโต้ด้วยน้ำเสียงประชดประชันและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่หลายคนมองว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่เจ้าหนี้เองเป็นผู้ที่อดทนรอคอยมานานนับปีแล้ว
ชาวเน็ตเดือด! วิจารณ์ยับ พฤติกรรมไม่สำนึกผิดของคนดัง
ทันทีที่แชตดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเพจ “ท่านเปา” โลกออนไลน์ก็แทบลุกเป็นไฟ ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นอย่างร้อนแรง หลายคนถึงกับใช้คำเปรียบเปรยเจ็บแสบ เช่น
“โทษคนอื่นก่อน ค่อยโทษตัวเองงี้? 5555”
“ดาราสาวเต่างอย! สมชื่อเลยนะ”
“ถ้าวันนึงแกตาย ผมอยากให้คณะแพทย์เก็บร่างไว้เป็นอาจารย์ใหญ่วิจัย เผื่อจะเข้าใจแนวทางการพัฒนาด้านสมอง”
“เต่าๆๆๆ งอยยย”
บางรายยังย้อนอดีตวีรกรรมของดาราสาวรายนี้ พร้อมโยงไปยังอินฟลูเอนเซอร์สาวชื่อดังคนหนึ่งในแพลตฟอร์ม TikTok ที่มักจะขึ้นไลฟ์พูดคุยกับแฟนคลับอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าทัศนคติที่เห็นในแชตคล้ายกับที่เคยปรากฏในไลฟ์ของเธอ และยิ่งทำให้ชื่อของเธอถูกโยงเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เพจจะไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นใครก็ตาม
มองลึกถึงพฤติกรรม "ลูกหนี้ที่ไม่สำนึก" – ปัญหาใหญ่ที่สังคมต้องตั้งคำถาม
เหตุการณ์นี้ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่พฤติกรรมของคนดังรายหนึ่งเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึง “ทัศนคติของลูกหนี้ที่ไม่มีความรับผิดชอบ” ซึ่งนับวันดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บางคนมองว่า การที่เจ้าหนี้ไม่ทวงตลอดเวลา ไม่ได้หมายความว่าเขา “ลืม” หรือ “ไม่ต้องการเงินคืน” แต่เพราะเชื่อใจหรือเกรงใจ อีกทั้งเงินที่ให้ยืมก็มักมีที่มาจากความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหวังดีกลับกลายเป็นภาระ เพราะอีกฝ่ายไม่สำนึก และยิ่งแสดงออกว่าไม่เห็นค่าของความไว้ใจ
เมื่อ “ชื่อเสียง” กลายเป็นเกราะป้องกันพฤติกรรมไม่รับผิดชอบ
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ เมื่อลูกหนี้เป็น “บุคคลสาธารณะ” หรือ “ดารา-อินฟลูเอนเซอร์” การที่พวกเขามีพฤติกรรมแบบนี้ ไม่เพียงแต่ทำร้ายเจ้าหนี้เท่านั้น แต่ยังส่งผลทางอ้อมต่อภาพลักษณ์ของวงการบันเทิงโดยรวม และที่สำคัญคือ “ต้นแบบ” ให้กับเยาวชนที่ติดตามพวกเขา
หลายคนตั้งคำถามว่า การที่มีชื่อเสียง ไม่ควรเป็นเกราะในการหลบเลี่ยงความรับผิดชอบ แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งมีชื่อเสียง ยิ่งมีโอกาสรอดจากคำตำหนิ เพราะผู้คนบางกลุ่มยังคงยอมรับพฤติกรรมแบบนี้ได้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณอันตรายทางสังคม
บทเรียนจากกรณีนี้ – รู้จัก “เลือกคน” ที่จะให้ยืม และ “กล้าที่จะปฏิเสธ”
สำหรับใครก็ตามที่เคยให้เงินยืม ไม่ว่าจะกับเพื่อน คนรู้จัก หรือแม้แต่คนในครอบครัว เรื่องนี้คือบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า “ความไว้ใจ” ต้องมาพร้อมกับ “ความระมัดระวัง” เพราะหากวันหนึ่งเกิดปัญหา เราอาจไม่ได้รับแค่ความเสียหายทางการเงิน แต่ยังบอบช้ำทางจิตใจจากคำพูดหรือพฤติกรรมของอีกฝ่ายด้วย
เมื่อคุณเลือกที่จะอยู่ในแสงไฟ มีแฟนคลับ มีผู้ติดตาม และใช้โซเชียลเป็นเวทีแสดงตัวตน คุณก็ย่อมต้องมีความรับผิดชอบในพฤติกรรมของตัวเองมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดาราและอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่บุคคลธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็น “บุคคลสาธารณะ” ที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความเชื่อ และการตัดสินใจของผู้ติดตาม
หากวันนี้ยังมีพฤติกรรมหลบเลี่ยง แสดงความไม่รับผิดชอบ และไม่สำนึกผิด ย่อมไม่แปลกที่สังคมจะเริ่มตั้งคำถามว่า “คนแบบนี้สมควรเป็นแบบอย่างหรือไม่?”
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ “เบี้ยวหนี้”
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นดารา คนธรรมดา หรือบุคคลสำคัญ หากคุณเป็นลูกหนี้ การ “ชำระหนี้คืน” ไม่ใช่เรื่องของความสมัครใจ แต่คือ “หน้าที่” ที่ต้องกระทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ยืมมา ล้วนมีเจ้าของ และเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับคืนตามความเหมาะสม
อย่าให้คำว่า “ชื่อเสียง” หรือ “ความเคยสนิท” กลายเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธความรับผิดชอบ เพราะวันหนึ่งเมื่อความจริงเปิดเผยออกมา ชื่อเสียงที่สร้างมานาน อาจพังทลายลงเพียงเพราะคำว่า “ไม่ว่างโอนเงิน”
อ้างอิงจาก: เพจเฟซบุ๊ก ท่านเปา

















