สลด! ง้อไม่สำเร็จ หนุ่มคว้าปืนยิงแฟนสาวดับคาที่
โศกนาฏกรรมรักรุนแรงกลางบ้านหมี่ หนุ่มวัย 29 ยิงแฟนสาวเสียชีวิตคารถ สุดอึ้งก่อนลงมือเคยโพสต์อาฆาตในโซเชียล
กลายเป็นคดีสะเทือนใจที่สร้างความตกตะลึงให้กับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และชาวเน็ตทั่วประเทศ กับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมรักรุนแรง เมื่อหนุ่มวัย 29 ปีใช้อาวุธปืนยิงแฟนสาววัย 24 ปีเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมถึงหน้าบ้าน เพียงเพราะความหึงหวง และไม่สามารถยอมรับการเลิกราได้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.ศุภกร อันสุวรรณ ผกก.สภ.บ้านหมี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุที่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกะพี้ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
ภาพเหตุการณ์สลดใจ หน้ารถมีรูกระสุน 2 รู ประตูเปิดคาไว้
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ยง 2763 นครราชสีมา จอดอยู่บริเวณทางเข้าบ้าน สภาพกระจกด้านซ้ายมีร่องรอยกระสุนปืน 2 นัด กระจกแตกละเอียด และประตูฝั่งคนนั่งเปิดคาไว้ ภายในรถพบคราบเลือดจำนวนมาก ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.อรณิชา แก้วเมือง อายุ 24 ปี นั่งอยู่ก่อนถูกยิง โดยเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิงเข้าที่ศีรษะและลำตัว ก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ตายกำลังเดินทางกลับจากร้านเสริมสวยพร้อมเพื่อนอีก 3 คน เมื่อมาถึงหน้าบ้านพัก ได้มีชายคนหนึ่ง ซึ่งทราบต่อมาคือ นายกล้าณรงค์ แสงรุ่ง อายุ 29 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย เดินปรี่เข้ามาหารถ พร้อมกระชากประตูฝั่งที่ผู้ตายนั่งอยู่เพื่อให้เปิด แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธและพยายามดึงประตูไว้ จากนั้น นายกล้าณรงค์กลับใช้ปืนยิงทะลุกระจกเข้าไปนัดแรกโดนแขน ก่อนจะยิงซ้ำอีกนัดเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิตคาที่ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเพื่อนสาวภายในรถที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
พฤติกรรมก่อนก่อเหตุ โพสต์อาฆาตในโซเชียลหลายข้อความ
สิ่งที่น่าสะเทือนใจคือ ก่อนลงมือก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง นายกล้าณรงค์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “โก๋กล้า พาเพลีย” ในลักษณะข่มขู่และอาฆาตแค้น เช่น
"เจอไม่เอาพวก-งไว้แน่ จำคำกูไว้เลย"
“ชีวิต-กำหนดเองว่ามันจะจบแบบไหน เคยพูดแล้ว ถ้ามันจบให้มันจบที่ตัวเราเอง มันเริ่มที่เราให้มันจบที่เรา”
และโพสต์สุดท้ายหลังก่อเหตุว่า "รักทุกคนเลย"
การโพสต์ข้อความลักษณะนี้สะท้อนถึงภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคง และเป็นสัญญาณเตือนอันตรายที่อาจมีผู้มองข้าม
ญาติผู้ก่อเหตุช็อก แม่เลี้ยงเผยไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
ในช่วงเช้าวันที่ 20 พฤษภาคม ญาติของนายกล้าณรงค์ รวมถึงแม่เลี้ยงได้เดินทางไปยัง สภ.บ้านหมี่ เพื่อขอเยี่ยม โดยให้ข้อมูลว่าไม่รู้รายละเอียดชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก และยืนยันว่าไม่เคยคิดว่าจะลงมือได้ถึงขั้นนี้ แม้แต่แม่เลี้ยงเองยังเผยว่า “ปกติเขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง และไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำร้ายใครถึงตาย”
คำให้การจากแม่ผู้ตาย เผยเคยเตือนเรื่องแฟนหนุ่มมาก่อน
นางสาวิตรี แก้วเมือง อายุ 43 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกสาวเคยมีสามีมาก่อนและมีลูกชายวัย 6 ขวบ กระทั่งเลิกรากันไป และได้คบหากับนายกล้าณรงค์ได้สักระยะ แต่ช่วงหลังมีปัญหาและพยายามตีตัวออกห่างหลายครั้ง เพราะฝ่ายชายมีพฤติกรรมรุนแรงและอาฆาต ลูกสาวไม่อยากคุยด้วย และไม่ยอมเจอแม้จะถูกตามตื้อ
ผู้เป็นแม่ยังเผยอีกว่า ตนเองเคยเข้าไปดูเฟซบุ๊กของฝ่ายชายและเคยพูดกับสามีว่า "คนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ" และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็แทบช็อก อยากรู้ว่าอะไรที่ลูกสาวทำให้ถึงกับต้องฆ่ากันได้ลง
ตำรวจเร่งดำเนินคดี เบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหา
ด้าน พ.ต.อ.ศุภกร อันสุวรรณ ผกก.สภ.บ้านหมี่ ระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายพยายามตีตัวออกห่างจากผู้ก่อเหตุ โดยไม่ยอมรับสายหรือพูดคุยด้วย อีกทั้งยังเข้าใจว่าฝ่ายหญิงอาจมีคนใหม่ จึงทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดอารมณ์หึงหวงจนขาดสติ
เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายกล้าณรงค์ได้ขณะขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่บริเวณหมู่ 6 ต.โพนทอง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี พร้อมของกลางคือปืนขนาด .38 และกระสุนจำนวน 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น 3 ข้อหา ได้แก่
1. ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
2. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
สังคมตั้งคำถาม: รักที่ไม่สมหวัง ถึงเวลาต้องหยุดความรุนแรงในครอบครัว
เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างของ "รักรุนแรง" ที่เกิดจากความหึงหวงและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ทำให้ต้องมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ สังคมจึงเริ่มตั้งคำถามถึงประเด็นปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพจิต ความรุนแรงในครอบครัว การละเลยสัญญาณเตือนภัยจากโซเชียลมีเดีย และการเข้าถึงอาวุธปืน
หลายคนออกมารณรงค์ให้มีการเข้มงวดกับพฤติกรรมในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะโพสต์ที่แสดงออกถึงความรุนแรง การอาฆาต หรือพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตราย เช่นเดียวกับกรณีนี้ ที่หากมีการสังเกตและแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ก่อน อาจสามารถป้องกันเหตุสลดได้
คดีสะเทือนขวัญในบ้านหมี่สะท้อนถึงความสำคัญของการรับรู้และจัดการกับความรุนแรงในความสัมพันธ์ การที่คนคนหนึ่งไม่สามารถยอมรับการเลิกรา และเลือกใช้ความรุนแรงเพื่อจบปัญหา เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม การให้ความรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ การเข้าถึงคำปรึกษาทางจิตใจ รวมถึงการแจ้งเตือนพฤติกรรมอันตรายในโซเชียล จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต






















