สรุปคดีวันไร่ขิง และรายงานความคืบหน้าของคดี
วันนี้เราจะพากันมาสรุปข่าวคดีวัดไร่ขิง จุดเริ่มต้นเป็นอย่างไรไปดู
เรื่องราวของคดีวัดไร่ขิงที่เป็นวัดขึ้นชื่อจ.นครปฐม เริ่มเป็นที่สนใจเมื่อมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการบริหารจัดการเงินบริจาคและทรัพย์สินของวัดโดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่า พระธรรมวชิรานุวัตรได้มีการยืมเงินจากเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในเขตปกครองของตน รวมถึงจากนักธุรกิจและนักการเมืองที่รู้จัก โดยอ้างว่าจะนำเงินไปใช้ในกิจการของวัดไร่ขิง
ด้วยเงินบริจาคที่หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมหาศาล ย่อมเป็นที่มาของคำถามและความสงสัยเมื่อมีการตรวจพบความผิดปกติในการใช้จ่าย
ยอดเงินที่ถูกยืมมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักสิบล้านบาท รวมกันเกือบ 300 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีการนำเงินรายได้จากงานประจำปีของวัดระหว่างปี 2564–2566 และเงินจากมูลนิธิต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดไปอีกกว่า 100 ล้านบาท
ภายหลังการตรวจสอบและส่งสายลับไปแฝงตัวได้มีการพบมูลความผิดและนำไปสู่การดำเนินคดีกับอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระเทพศาสนาภิบาล (แย้ม กิตฺตินฺธโร) รวมถึงฆราวาสที่เกี่ยวข้องในหลายข้อหา อาทิ ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการทุจริตโดยยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารของวัดโอนไปยังบัญชีส่วนตัว เพื่อนำไปเล่นพนันบาคาราออนไลน์ รวมมูลค่ากว่า 847 ล้านบาท
จากข้อมูลการสอบสวน เจ้าหน้าที่พบความผิดปกติของบัญชีหลายประเภท และไม่เป็นระบบที่แน่ชัด โดยถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน โดยเฉพาะเงินทำบุญทอดผ้าป่า และทอดกฐิน และเงินจากการประมูลเช่าที่จัดงานประจำปีของวัด และการเช่าแผงร้านค้า ที่พบว่า มีบุคคลใกล้ชิดนำเงินจากรายได้ส่วนหนึ่ง ขนเจ้าไปยังกุฎิของอดีตเจ้าอาวาส โดยไม่ผ่านบัญชีการเงินของวัด
ส่วนเงินจากตู้บริจาคที่มีมากถึง 185 ตู้ภายในวัด มีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่วันละ 50,000 บาท สูงสุดอยู่ที่วันละ 1 ล้านบาท ในช่วงที่วัดจัดงานกิจกรรม หรือช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เงินในจำนวนนี้ไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
นอกเหนือจาก 11 เส้นเงิน และ 7 บัญชี ที่ใช้แจ้งข้อกล่าวหายักยอกเงินไว้ไปแล้ว ยังพบหลายบัญชีการเงินของวัด ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของนายแย้ม ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสในขณะนั้นเพิ่มเติมอีก 1 บัญชี แต่ส่วนนี้ยังไม่ได้ถูกนำไปแจ้งข้อกล่าวหา
จากการยักยอกเงินวัดไร่ขิง ไปสู่เส้นทางการเงินและการพนัน พบว่ามีตัวเชื่อม 2 บุคคล คือนายเอกพจน์ และน.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งจากหลักฐานเจ้าหน้าที่ยืนยันได้ว่า น.ส.อรัญญาวรรณ เพียงเท่านั้น ยังไม่พบบัญชีของนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส โอนโดยตรงไปยังเครือข่ายของเว็บการพนัน
ณ เวลานี้ คดีวัดไร่ขิงยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล มีการสืบพยานและนำเสนอหลักฐานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง สังคมยังคงเฝ้ารอผลการพิจารณาคดีอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ววัน
เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชน ในการร่วมกันสร้างกลไกที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันการทุจริต ถึงแม้ในสังคมไทยจะอาจจะยากแต่ก็ต้องไม่ควรปล่อยให้การทุจริตเพิ่มขึ้นอีก


















