โลภหนัก-กิเลสหนาเป็นเหตุ!! วัดคือช่องทางหากิน มาย้อนรอย "คดีเงินทอนวัด"
จากกรณีฉาวในวันนี้ ที่เกิดคดีทุจริตเงินวัดไร่ขิง ในนครปฐม จนกลายเป็นประเด็นร้อน ในวงการสงฆ์และสังคมไทย ที่พบว่าอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อย่างนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินวัดไปมากกว่า 300 ล้านบาท โดยมีการโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว และมีความเชื่อมโยงกับการเล่นพนันออนไลน์นั่น และอาจมีที่ไม่คาดคิดอื่้นๆ
มาย้อนรอย "คดีเงินทอนวัด" ไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไทยเราเกิดคดีฉาวที่สุด สะเทือนใจชาวพุทธที่สุด โดยพบว่ามีการทุจริตเงินทอนวัดเกิดขึ้นก่อนปี 2558 โดยเจ้าหน้าที่สำนักงาน พศ.เข้าไปติดต่อเจ้าอาวาสวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อเสนอเงินอุดหนุนให้แก่วัด แต่มีเงื่อนไขว่าทางเจ้าอาวาสวัดจะต้อง เขียนโครงการเข้ามาเพื่อเสนอของบประมาณกับสำนักงาน พศ.พิจารณาอนุมัติ
ง่ายๆ คือ พวกมันนำเงินบางส่วนที่ตีกลับมา เอาข้ากระเป๋าตัวเองนั่นเอง มีผู้ส่วนร่วมในขบวนการนี้มีทั้ง เจ้าหน้าที่รัฐ อย่าง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ไปจนถึงพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาส
เงินอุดหนุนให้วัดทำกิจกรรมต่างๆนั้นมีอยู่ 3 ประเภท คือ
-เพื่อบูรณะซ่อมแซม/บูรณปฏิสังขรณ์วัด
-เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม และ
-เพื่อการเผยแพร่ดำเนินกิจกรรมทางศาสนา
แต่เมื่อวัดได้รับอนุมัติเงินอุดหนุนแล้วจะต้องเบิกจ่ายเงิน และนำส่งคืนให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงาน พศ.ที่ไปติดต่อเพื่อเป็นค่าสินบน ซึ่งเรียกกันว่า "เงินทอนวัด" ในสัดส่วนตามที่ได้ตกลงกับ เจ้าหน้าที่ สำนักงาน พศ.ไว้ตั้งแต่แรก
เรื่องฉาวระดับประเทศนี้ เริ่มต้นจากการร้องเรียนของเจ้าอาวาสวัดในจังหวัดเพชรบุรีในปี 2560 เกี่ยวกับการที่วัดได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงาน พศ. แต่ถูกขอคืนเงินส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงขบวนการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูงและพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป
รูปแบบการทุจริตในคดีนี้มีรูปแบบที่ซับซ้อน โดยข้าราชการ พศ. จะจัดสรรงบประมาณให้กับวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการบูรณะหรือพัฒนาวัด แต่มีการเรียกร้องให้วัดคืนเงินส่วนหนึ่งกลับมาให้กับข้าราชการหรือผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม
ความเสียหายและการดำเนินคดี จากการสอบสวน พบว่ามีวัดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมากกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ความเสียหายมากกว่า 270 ล้านบาท และมีข้าราชการและพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศและถูกจับกุมในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้
คดีนี้สร้างความสั่นสะเทือนในวงการพระพุทธศาสนาไทย และนำไปสู่การถอดถอนสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ เพื่อป้องกันการทุจริตในอนาคต
หนึ่งในจำเลยคนสำคัญคือ นาย “นพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์” อดีต ผอ. สำนักพุทธฯ ซึ่งหลบหนีไปยังสหรัฐฯ และเพิ่งถูกจับกุมตัวได้เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาในรัฐเท็กซัส
อมิตพุทธ กิเลส
สิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง มี ๓ ประการ ได้แก่ โลภะ (ความโลภ) โทสะ (ความโกรธ) และโมหะ (ความหลง).

















