โซเชียลเดือด! แฉพฤติกรรมแม่ชีวัดดัง เที่ยวทะเล แต่งจัด ใส่วิกเต็มยศ ร้องเพลงสุดเหวี่ยง
เพจดังแฉยับ! พฤติกรรมแม่ชีวัดดัง เที่ยวทะเล-ร้องคาราโอเกะ-แต่งตัวแฟชั่น ชาวเน็ตตั้งคำถามแรง "สมควรแล้วหรือ?"
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อล่าสุดเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง CSI LA ซึ่งมักเปิดโปงพฤติกรรมผิดจริยธรรมในวงการศาสนาและการเมือง ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพแฉพฤติกรรมไม่เหมาะสมของแม่ชีรายหนึ่งจากวัดชื่อดังในจังหวัดสมุทรสาคร
โดยภาพดังกล่าวเผยให้เห็นแม่ชีปรากฏตัวในชุดลำลองริมทะเล ไม่ใช่เพียงการแต่งกายที่ขัดต่อจริยวัตรของผู้ถือเพศพรหมจรรย์เท่านั้น แต่ยังปรากฏพฤติกรรมที่ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการดำรงสถานะแม่ชีในพุทธศาสนา
ภาพหลักฐาน: ริมทะเล-เสื้อผ้าลำลอง-วิกผม-ร้องคาราโอเกะแนบชิดสาวหล่อ
ภาพที่เพจ CSI LA เผยแพร่มีทั้งหมดหลายภาพ โดยระบุว่าถ่ายไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 แม้จะผ่านมาแล้วหลายปี แต่เมื่อภาพถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้ง ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ภาพชุดดังกล่าวแสดงให้เห็นแม่ชีรายหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าลำลองแบบเปิดหน้าท้อง สวมวิกผม แต่งหน้าอย่างชัดเจน ขณะยืนถ่ายภาพแนบชิดกับกลุ่มสาวหล่ออย่างสนิทสนม
นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นแม่ชีร่วมร้องคาราโอเกะในที่พักส่วนตัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ห่างไกลจากภาพลักษณ์ของผู้ถือศีล 8 และผู้แสวงหาทางธรรมในวิถีแห่งพรหมจรรย์
ชาวเน็ตไม่ทน! ถามแรง "นี่คือแม่ชี หรือคนทั่วไป?"
หลังจากโพสต์ของเพจ CSI LA เผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน หลายคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของพฤติกรรมแม่ชีรายนี้ และวิพากษ์วิจารณ์ว่า "นี่คือแม่ชีจริงหรือเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่แต่งชุดแม่ชี?"
บางคอมเมนต์ระบุว่า “ศาสนาพุทธของไทยเรากำลังถูกบิดเบือนจากคนที่แอบอ้างศาสนาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว” ขณะที่บางรายตั้งคำถามว่า “ถ้าแม่ชียังมีความอยากเที่ยว ร้องเพลง ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ทำไมยังต้องถือเพศพรหมจรรย์?”
ไม่มีไวยาวัจกร-ไม่มีคณะกรรมการวัด ตรวจสอบอะไรเลยหรือ?
อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้เรื่องนี้ถูกวิพากษ์หนักคือ การที่วัดดังกล่าวไม่มีไวยาวัจกรหรือคณะกรรมการคอยตรวจสอบกิจกรรมของแม่ชี แม้จะมีการบริจาคเงินทองจากญาติโยมอยู่เป็นประจำก็ตาม ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า "เงินบริจาคจากชาวบ้านถูกนำไปใช้ทำอะไร? ถูกใช้เพื่อให้แม่ชีไปเที่ยวทะเลหรือไม่?"
กรณีนี้สะท้อนปัญหาที่ฝังรากลึกในหลายวัดทั่วประเทศ ที่ขาดระบบตรวจสอบภายใน และปล่อยให้บุคคลบางกลุ่มแอบอ้างศาสนาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์และใช้ชีวิตส่วนตัวแบบไร้ขอบเขต
เมื่อเพศพรหมจรรย์กลายเป็นเพียงเปลือก?
การเป็นแม่ชีหรือการถือศีล 8 ไม่ใช่เพียงการสวมใส่ชุดขาวและไว้ผมสั้น แต่คือการใช้ชีวิตอย่างมีวินัย ปฏิบัติธรรม และยึดหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด พฤติกรรมของแม่ชีรายนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า การถือเพศพรหมจรรย์ยังมีความหมายอยู่จริงหรือไม่ หากบุคคลที่แสดงตนว่าเป็นนักบวช กลับใช้ชีวิตไม่ต่างจากฆราวาสทั่วไป
นักวิชาการด้านพุทธศาสนาให้ความเห็นว่า “การเป็นแม่ชีคือการอุทิศตนเพื่อธรรม ไม่ใช่เพื่อเที่ยวทะเลหรือร้องคาราโอเกะ หากไม่สามารถละทางโลกได้ ก็ควรพิจารณาถอนตัว”
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรตรวจสอบหรือไม่?
แม้ว่าการเป็นแม่ชีในประเทศไทยไม่มีกฎหมายกำกับดูแลอย่างชัดเจนเท่ากับพระภิกษุสงฆ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่มีขอบเขต หน่วยงานด้านศาสนา เช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือแม้แต่ผู้นำชุมชน ควรออกมาแสดงจุดยืนและเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดกรณีลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต
หากปล่อยให้พฤติกรรมเช่นนี้ดำเนินไปโดยไม่มีใครรับผิดชอบ ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพุทธศาสนาอาจค่อย ๆ ลดลง และเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีแสวงหาผลประโยชน์ผ่านศาสนา
สรุป: แม่ชีควรเป็นแบบอย่างทางธรรม ไม่ใช่ภาพลักษณ์โลกีย์
แม้การไปเที่ยวทะเลหรือร้องคาราโอเกะจะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่สำหรับผู้ที่ตั้งตนเป็นแม่ชี หรือผู้ถือเพศพรหมจรรย์ การมีพฤติกรรมเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของศาสนาโดยรวม
เมื่อศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนต้องเผชิญกับความเครียดจากสังคม เศรษฐกิจ และความไม่แน่นอน การมีบุคคลที่แอบอ้างศาสนาเพื่อใช้ชีวิตอย่างไม่เหมาะสม ถือเป็นการทำลายศรัทธาอย่างร้ายแรง
เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่ภาพถ่ายริมทะเลธรรมดา แต่เป็นกระจกสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบการดูแลและตรวจสอบในวงการศาสนาไทย หากไม่เร่งหาทางแก้ไข อาจกลายเป็นวิกฤตศรัทธาที่รุนแรงในอนาคต
อ้างอิงจาก: เพจเฟสบุ๊คCSI LA

















