เกินไปไหม? นักแสดงสาวจูบจริง-สอดลิ้น แฟนสาวตัวจริงรับไม่ได้ แชร์ประสบการณ์สะเทือนใจ
ประสบการณ์สุดช็อกของนักศึกษาหนุ่ม! ถูกนักแสดงหญิง “จูบสอดลิ้น” ระหว่างถ่ายหนังสั้นโดยไม่ยินยอม – กลับถูกตำรวจแนะให้ “ยอมความ” เพราะผู้หญิงได้เปรียบในศาล
เรื่องนี้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ช็อกที่เกิดขึ้นกับแฟนหนุ่มของตน ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการถ่ายทำหนังสั้นที่จัดโดยกองถ่ายนักศึกษาของเพื่อน โดยตัวแฟนหนุ่มมีหน้าที่ร่วมแสดงในหนังสั้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีฉาก 18+ ที่ต้องเข้าฉากใกล้ชิดกับนักแสดงหญิง
เหตุการณ์เริ่มต้นอย่างไร?
วันที่ 10 เมษายน เวลาประมาณตี 3-4 แฟนของผู้โพสต์ได้เข้าฉากในหนังสั้นความยาว 10-15 นาที ซึ่งเป็นผลงานของกองถ่ายนักศึกษา โดยฉากที่เกิดปัญหานั้นเป็นฉากที่ต้องแสดงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างตัวละคร นักแสดงหญิงนั่งค่อมบนร่างของแฟนหนุ่มที่นอนอยู่ตามบท แต่จู่ ๆ นักแสดงหญิงได้พุ่งตัวเข้ามา จูบพร้อมสอดลิ้นเข้าไปในปาก โดยที่ไม่ได้มีการตกลงหรือแจ้งล่วงหน้า ซึ่งทำให้ฝ่ายชายรู้สึกตกใจและไม่พอใจอย่างยิ่ง
หลังจบฉากนั้น แฟนหนุ่มได้แจ้งกับนักแสดงหญิงว่าไม่สบายใจและรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบในภายหลังว่านักแสดงหญิงมีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้าฉากด้วย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ยิ่งเพิ่มความไม่เหมาะสมให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ฉากต่อมายังมีการจูบซ้ำอีกครั้ง
ในฉากถัดมา แม้จะไม่มีการสอดลิ้น แต่ก็ยังคงมีการจูบแบบไม่แจ้งล่วงหน้าอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนหนุ่มของผู้โพสต์รู้สึก “ไม่โอเค” อย่างมาก พร้อมกับรีบแจ้งให้แฟนสาวทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ผู้โพสต์เองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ได้สอบถามทางกองถ่ายแล้วว่าจะมีการเซฟนักแสดงชาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นตรงกันข้าม
การพูดคุยกับกองถ่ายและนักแสดงหญิง
ในช่วงเช้าวันที่ 10 เมษายน ผู้โพสต์ได้รับการติดต่อจาก AD ของกองถ่ายซึ่งได้กล่าวขอโทษและยืนยันว่าจะรับผิดชอบ พร้อมกับแจ้งว่าไม่มีใครในกองรู้ว่านักแสดงหญิงจะเล่นเกินบทถึงขั้นสอดลิ้นเข้าไป และทางกองเองก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อติดต่อไปยังนักแสดงหญิง กลับไม่มีการตอบกลับใด ๆ
วันที่ 11 เมษายน ผู้โพสต์และแฟนหนุ่มได้เดินทางไปพบกับทีมงานกองถ่ายและนักแสดง เพื่อพูดคุยและไกล่เกลี่ยในฉากต่อไปที่ต้องถ่าย ซึ่งเป็นแนว 18+ อีกเช่นกัน โดยการพูดคุยนั้นกลับมีนักแสดงหญิงผู้ก่อเหตุ และอีกคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
ไม่มีการรับผิดชอบที่ชัดเจน และเริ่มมีการเบลมเหยื่อ
การพูดคุยในวันนั้นจบลงเพียงแค่คำขอโทษและไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ เพิ่มเติมจากฝ่ายกองถ่าย โดยนักแสดงหญิงที่สอดลิ้นกลับกล่าวว่า “อินกับบท” และ “ตามฟีล” ซึ่งทำให้ผู้โพสต์และแฟนหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนกดดันให้ต้องยอมรับสถานการณ์ ขณะเดียวกันยังถูกกล่าวโทษว่าทั้งสองคนไม่เข้าใจการแสดง
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ มีคำพูดจากทีมกองถ่ายว่า “แท่นจึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่ กองคงไม่อยู่เฉย” ซึ่งทำให้แฟนหนุ่มรู้สึกเครียด กดดัน และมีอาการแพนิคตามมา
การดำเนินการทางกฎหมายที่กลับกลายเป็นฝั่งผู้เสียหายโดนฟ้องกลับ
เมื่อไม่มีความคืบหน้าหรือความรับผิดชอบจากทางกองถ่าย ผู้โพสต์จึงตัดสินใจแจ้งมหาวิทยาลัยและแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ผู้เสียหายรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
เมื่อถึงวันนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 8 พฤษภาคม ทางนักแสดงหญิงกลับได้ยื่นแจ้งความ “ฟ้องกลับ” แฟนหนุ่มของผู้โพสต์ ในระหว่างการพูดคุยต่อหน้าทนายและตำรวจ ตำรวจคนหนึ่งได้กล่าวกับแฟนของผู้โพสต์หลายครั้งว่า “ยอมเถอะ” และ “ผู้หญิงได้เปรียบในข้อกฎหมายมากกว่า” รวมถึง “ถ้าอัยการเป็นผู้หญิง จมตีนแน่”
คำพูดลักษณะนี้ ทำให้ผู้โพสต์และแฟนหนุ่มรู้สึกหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม เพราะแม้ตนจะเป็นผู้เสียหาย แต่กลับถูกกดดันให้ยอมความ ทั้งยังต้องเผชิญกับการฟ้องกลับจากฝั่งผู้กระทำผิด
คำถามต่อสังคม: ผู้ชายไม่มีสิทธิถูกคุกคามทางเพศหรือ?
กรณีนี้เปิดประเด็นให้กับสังคมได้ตั้งคำถามว่า หากเหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นโดยสลับเพศ – คือผู้ชายเป็นฝ่ายจูบและสอดลิ้นใส่นักแสดงหญิงโดยไม่ยินยอม จะยังมีคนพูดว่า “อินบท” หรือ “ตามฟีล” หรือไม่? เหตุใดเมื่อผู้ชายเป็นฝ่ายเสียหาย กลับถูกทำให้รู้สึกว่า “ไม่ควรร้องเรียน” หรือ “ไม่เข้าใจการแสดง”?
การล่วงละเมิดทางเพศไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับเพศใด ทุกคนควรได้รับความยุติธรรมเท่าเทียม ไม่ควรมีเพศใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบในกระบวนการทางกฎหมาย
สรุป: ต้องการเพียงความยุติธรรม
ผู้โพสต์ย้ำในตอนท้ายว่า สิ่งที่ตนและแฟนหนุ่มต้องการคือ “ความยุติธรรม” ไม่ใช่การโจมตี ไม่ได้ต้องการทำลายชื่อเสียงใคร แต่เพียงแค่ขอให้เรื่องนี้ได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และยอมรับว่า “ผู้ชายก็สามารถตกเป็นเหยื่อได้”

















