ปิดจ๊อบด้วยขันหมาก! ครอบครัวสาว 17 เรียกสินสอด "สมรักษ์" 1.8 ล้าน
สมรักษ์ คำสิงห์ เจอดราม่าหนัก! ครอบครัวเด็กสาววัย 17 ยื่นข้อเสนอสุดอึ้ง “หากอยากให้เงียบ จ่ายสินสอด 1.8 ล้าน!” – เจ้าตัวเสียงแข็ง ขอเดินหน้าสู้คดี
กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องร้อนในโลกออนไลน์ที่ทำให้ชาวเน็ตถึงกับต้องขยี้ตาอ่านหลายรอบว่า “นี่เรื่องจริงหรือแค่บทละครหลังข่าว?” เมื่ออดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกขวัญใจคนไทย “สมรักษ์ คำสิงห์” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในประเด็นที่ไม่ใช่เรื่องกีฬา แต่เป็นคดีความที่สะเทือนชื่อเสียงและกระทบชีวิตอย่างหนัก
เรื่องเริ่มต้นจากข่าวครึกโครมเมื่อหลายเดือนก่อน ที่มีการเปิดเผยว่ามีเด็กสาววัยเพียง 17 ปีออกมาให้ข้อมูลว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสมรักษ์ ซึ่งในขณะนั้นก็มีเสียงแตกในสังคม บ้างก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง บ้างก็คิดว่าอาจเป็นการจัดฉากเรียกกระแส แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ชื่อของสมรักษ์ที่เคยผูกกับคำว่า “นักกีฬาในตำนาน” ถูกพาดพิงไปถึงเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อกฎหมาย
ความเคลื่อนไหวล่าสุด (19 พฤษภาคม 2568)
ล่าสุดเพจดัง “อรรถรส” ได้รายงานอ้างอิงข้อมูลจาก “สำนักข่าวไทยรัฐ” ถึงความคืบหน้าของคดีพรากผู้เยาว์ที่สมรักษ์ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งกลายเป็นประเด็นฮือฮาบนโลกออนไลน์อีกระลอก
โดยในรายงานระบุว่า ครอบครัวของเด็กสาววัย 17 ปี ได้ยื่นข้อเสนอแบบตรงไปตรงมาให้กับสมรักษ์ โดยระบุว่า “หากอยากให้เรื่องเงียบ จบกันแบบไม่มีการเอาเรื่องถึงที่สุด ขอให้สมรักษ์ยกขันหมากมาสู่ขออย่างเป็นทางการ พร้อมกับสินสอดมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านบาท”
ฟังไม่ผิด! สินสอด 1.8 ล้านบาท ถูกวางเป็น “ข้อแลกเปลี่ยน” กับการไม่ดำเนินคดีหรือหยุดการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมสู่สาธารณะ งานนี้ชาวโซเชียลต่างตกใจและตั้งคำถามกันมากมายว่า... นี่มันเรื่องจริงหรือพล็อตละครน้ำเน่า?
สมรักษ์ไม่เล่นด้วย! ประกาศชัด “จะขอสู้คดีให้ถึงที่สุด”
แม้จะมีข้อเสนอที่ดูเหมือนจะจบเรื่องได้อย่าง “ง่ายดาย” แต่ทางฝั่งสมรักษ์ คำสิงห์ กลับไม่เลือกเส้นทางลัดแบบนั้น เขาประกาศชัดว่า “จะไม่ยอมตกลงตามข้อเสนอที่ถูกยื่นมาเด็ดขาด” พร้อมยืนยันที่จะต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด
โดยสมรักษ์เผยว่า “ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไร ไม่ได้ทำอะไร และจะไม่ยอมให้ใครมาป้ายสีหรือใช้เหตุการณ์แบบนี้มากดดันให้ผมยอมจ่ายเงินเพื่อจบคดี ผมขอต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย จะไม่เจรจานอกศาลแน่นอน”
คำพูดของเขาทำให้ชาวเน็ตบางส่วนเริ่มหันกลับมาให้กำลังใจ เพราะหากดูจากมุมหนึ่ง ถ้าสมรักษ์เป็นผู้บริสุทธิ์ การยืนหยัดไม่ยอมจ่ายสินสอดเพื่อให้เรื่องเงียบก็ถือเป็นท่าทีที่เด็ดขาดและน่านับถือ
โลกออนไลน์วิพากษ์หนัก “เรื่องนี้ใครผิด ใครถูก?”
ในโซเชียลมีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า การยื่นข้อเสนอให้แต่งงานพร้อมสินสอดนั้น สื่อถึงอะไร? ทำไมครอบครัวฝ่ายหญิงถึงไม่พาเรื่องไปให้จบในศาลตามปกติ? และหากเรื่องนี้มีมูลความจริง การยอมให้จบด้วยเงินจะส่งผลอย่างไรต่อสังคม?
ขณะเดียวกัน ก็มีอีกหลายเสียงที่ตั้งข้อสงสัยว่า หากเรื่องนี้ไม่มีมูลเลย แล้วเหตุใดถึงมีข้อเสนอแต่งงานออกมาแบบนี้ หรือแท้จริงแล้วมีการพูดคุยตกลงกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่?
บางส่วนถึงกับแสดงความคิดเห็นว่า “การตั้งเงื่อนไขเรื่องเงินกับการไม่ดำเนินคดี อาจเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์หรือแบล็กเมล์หรือเปล่า?”
ย้อนเส้นทาง “สมรักษ์ คำสิงห์” จากฮีโร่โอลิมปิก สู่สนามชีวิตที่ต้องสู้แบบไร้นวม
สมรักษ์ คำสิงห์ คือชื่อที่คนไทยคุ้นเคยในฐานะนักมวยเหรียญทองคนแรกของประเทศไทยจากโอลิมปิกเกมส์ ปี 1996 ที่แอตแลนตา เขาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กไทยจำนวนมากหันมาสนใจมวยสากลสมัครเล่น
แต่หลังจากแขวนนวม เส้นทางชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จากการเป็นนักมวยสู่การเป็นนักแสดง นักธุรกิจ และล่าสุดก็ต้องเผชิญมรสุมชีวิตหลายระลอก ทั้งเรื่องหนี้สิน การล้มละลาย จนถึงข่าวฉาวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้
หลายคนจึงมองว่านี่อาจเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของเขาในชีวิตจริง ที่ไม่มีกรรมการ ไม่มีเวที ไม่มีผู้ชนะหากไม่พิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ
บทสรุปที่ยังไม่มีคำตอบ แต่มีคำถามมากมาย
เรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติ ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ จากศาล แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องราวได้ถูกถ่ายทอดสู่สายตาสังคมอย่างกว้างขวาง และกำลังเป็นที่จับตามองในทุกความเคลื่อนไหว
สิ่งที่หลายคนหวังคือ “ความยุติธรรม” ไม่ว่าจะฝั่งใดผิดหรือถูกก็ตาม แต่ขอให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่ใช่อารมณ์หรือกระแสของโลกออนไลน์
และสุดท้าย... ชาวเน็ตก็ยังคงเฝ้ารอดูว่า “สมรักษ์ คำสิงห์” จะสามารถล้มดราม่าครั้งนี้ได้เหมือนที่เคยล้มคู่ต่อสู้บนเวทีโอลิมปิกหรือไม่

















