พีคกว่าเดิม! ตัวเลขใหม่เงินวัดไร่ขิงที่หาย ทำชาวเน็ตอึ้งหนัก
ดราม่าสะเทือนวงการสงฆ์! อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงมอบตัวคดีทุจริต 300 ล้าน ตำรวจบุกค้นกุฏิ เจอหลักฐานเพียบ – ขยายผลพบเส้นทางการเงินโยงกว่า 847 ล้านบาท
วันที่ 15-16 พฤษภาคม 2568 กลายเป็นวันที่วงการพระพุทธศาสนาต้องเผชิญกับคดีสะเทือนศรัทธาครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เมื่อ "อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ท่านเจ้าคุณแย้ม" ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาชื่อดังแห่งจังหวัดนครปฐม และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 14 ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตเงินวัด มูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท โดยมีการโยงไปสู่การนำเงินไปใช้ในเว็บพนันออนไลน์ประเภทบาคาร่า
เบื้องลึกเบื้องหลัง – การสืบสวนนานนับเดือนจนพบพิรุธ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่าตำรวจกองปราบได้รับเบาะแสมาระยะหนึ่งว่าอดีตเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมทุจริตเงินของวัด จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าไปในกิจกรรมต่างๆ ภายในวัดไร่ขิงนานหลายเดือน จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเชิงลึกได้ว่า มีการโอนเงินออกจากบัญชีของวัดไปยังบุคคลภายนอกซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจศาสนา และมีความเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในรูปแบบ "บาคาร่า" เป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท
พฤติกรรมดังกล่าวจึงเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายในหลายข้อหา ได้แก่
- เป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตนเอง
- ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
- ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
แม้การเข้ามอบตัวจะเกิดขึ้นก่อนการออกหมายจับ แต่ตำรวจยืนยันว่าไม่ส่งผลต่อรูปคดี และจะดำเนินการตามพยานหลักฐานอย่างเคร่งครัด
ไม่ใช่แค่ 300 ล้าน! ขยายผลพบยอดเงินรวมกว่า 847 ล้านบาท
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ความคืบหน้าคดีดังกล่าวดำเนินไปอย่างเข้มข้น โดยมีเจ้าหน้าที่จากตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้นกุฏิของอดีตเจ้าอาวาสภายในวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม พร้อมหมายค้นอย่างเป็นทางการ โดยใช้เวลาตรวจค้นกว่า 5 ชั่วโมง
จากการตรวจค้นพบหลักฐานสำคัญจำนวนมาก ทั้งเอกสารรายรับรายจ่าย กว่า 10 ลัง และแฟ้มเอกสารนับร้อยแฟ้ม รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ เจ้าหน้าที่จึงขนย้ายหลักฐานทั้งหมดไปยังโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เพื่อทำการลงบันทึกประจำวันก่อนส่งต่อไปยังส่วนกลางเพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี
รายงานข่าวระบุว่า มีพระลูกวัดที่ใกล้ชิดกับอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม เป็นผู้ที่รู้เห็นการกระทำดังกล่าวและยังมีส่วนเกี่ยวข้องในการโอนเงินจากบัญชีของวัดไปยังบัญชีของนางสาวอรัญญาวรรณ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมในคดี และถูกจับกุมได้ที่พัทยาในวันเดียวกัน โดยพบยอดเงินที่ถูกโอนผ่านบัญชีต่างๆ ทั้งของอดีตเจ้าคุณแย้ม พระผู้ช่วย และคนสนิทรวมแล้วสูงถึง 847 ล้านบาท
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบบัญชีธนาคารอีกกว่า 10 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีในนามมูลนิธิที่อยู่ภายในวัดไร่ขิง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบยอดเงินและความเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของคดี
ตู้เซฟปริศนา – อีกจุดสำคัญที่ตำรวจยังรอเปิด
นอกเหนือจากเอกสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยึดได้แล้ว ในกุฏิยังพบตู้เซฟขนาดใหญ่อยู่ข้างที่นอนของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่จากบริษัทผู้ผลิตตู้เซฟเข้ามาปลดล็อคด้วยรหัสเฉพาะ ซึ่งคาดว่าภายในอาจจะมีหลักฐานสำคัญอีกจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ทองคำ หรือเอกสารสำคัญอื่นๆ ที่อาจช่วยยืนยันพฤติกรรมการทุจริตได้ชัดเจนมากขึ้น
ตำรวจยืนยันเดินหน้าดำเนินคดีเต็มที่ – มหาเถรสมาคมเตรียมพิจารณาลาสิกขา
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ระบุว่า คดีนี้ไม่ใช่การจัดฉากหรือเป็นแผนหลอกลวงใดๆ แต่ตำรวจมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และเอกสารชัดเจนที่สามารถใช้ดำเนินคดีได้ทันที โดยเน้นว่าจะขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสที่ร่วมมือในธุรกิจภายในวัด หรือบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินต้องสงสัย
ขณะที่ในเรื่องของการลาสิกขานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจตัดสินใจ ต้องรอให้มหาเถรสมาคมเข้ามาพิจารณาตามระเบียบของคณะสงฆ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิด
ชาวบ้านช็อก! วัดดังในดวงใจ กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ
สำหรับวัดไร่ขิง ถือเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือของประชาชนจำนวนมากในภาคกลาง โดยเฉพาะจากองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนหลั่งไหลไปกราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน การที่อดีตเจ้าอาวาสของวัดตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตจึงสร้างความตกตะลึงให้กับประชาชนและพุทธศาสนิกชนเป็นวงกว้าง หลายคนถึงกับออกมาแสดงความเสียใจและไม่อยากเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับวัดที่ตนเคารพบูชามาตลอดชีวิต
คดีนี้จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่หรือไม่?
คดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ไม่ใช่เพียงแค่การทุจริตทั่วไป แต่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างภายในองค์กรสงฆ์และการจัดการทรัพย์สินภายในวัดที่ยังขาดความโปร่งใสอย่างชัดเจน คำถามคือ จะมีการปฏิรูปหรือไม่? และพุทธศาสนาจะสามารถเรียกศรัทธากลับคืนมาได้อย่างไร?
ทั้งหมดนี้คงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้ ผลของการสอบสวนจะขยายไปถึงใครอีกบ้าง และบทลงโทษจะเข้มข้นเพียงใด เพราะคดีนี้ไม่ใช่เพียงการเสียหายทางการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความศรัทธาในศาสนาอย่างลึกซึ้งอีกด้วย.










