สาวคนนี้เอง! เปิดโฉมนายหน้ารับพนัน เชื่อมโยงเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง
เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเข้ามอบตัว หลังถูกกล่าวหายักยอกเงินวัด 300 ล้านเล่นบาคาร่า - ปฏิบัติการใหญ่ของ บช.ก. สะเทือนวงการสงฆ์
วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 กลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่สะเทือนวงการพระพุทธศาสนา เมื่อเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นถึงเจ้าคณะภาค 14 พร้อมด้วยทีมทนายความและคณะพระติดตาม เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับในคดีร้ายแรง กรณียักยอกเงินวัดจำนวนมหาศาลถึง 300 ล้านบาท โดยนำเงินดังกล่าวไปเกี่ยวพันกับการเล่นพนันออนไลน์ “บาคาร่า” จนกลายเป็นข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์และสังคมไทยในวงกว้าง
เปิดฉากปฏิบัติการสืบสวนลับนานหลายเดือน
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้รับเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่ถึงพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลของเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งดูแลและบริหารจัดการเงินวัดที่มีผู้ศรัทธาบริจาคเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยมีข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจมีการยักยอกทรัพย์เพื่อนำไปใช้ในการพนันออนไลน์
หลังจากรับเรื่องร้องเรียน ทาง บก.ป. จึงวางแผนส่งเจ้าหน้าที่สายสืบแฝงตัวเข้าไปร่วมกิจกรรมในวัดเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมหลักฐานอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งมีการตรวจพบธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยมีการโอนเงินออกจากบัญชีของวัดไปยังบัญชีบุคคลภายนอก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของวัดโดยตรง รวมมูลค่าหลักฐานเบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท
เส้นทางการเงินโยงถึงเว็บพนันออนไลน์
จากการตรวจสอบเชิงลึกโดยฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของตำรวจ พบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าไปยังบัญชีบุคคลธรรมดาหลายราย ซึ่งต่อมามีการนำเงินเหล่านั้นไปหมุนเวียนในเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะเกม “บาคาร่า” ที่มีลักษณะคล้ายป๊อกเด้ง ได้รับความนิยมในหมู่นักพนันออนไลน์
ตำรวจได้ใช้เทคนิคทางนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัลเข้าตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรม พบความเชื่อมโยงชัดเจนว่าบัญชีเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกับเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง รวมถึงมีการเบิกถอนเงินสดเป็นจำนวนมากและโอนต่อให้บุคคลใกล้ชิดหลายราย ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายทุจริตอย่างชัดเจน
การมอบตัวก่อนวันปฏิบัติการจริง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เดิมทีเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแผนปฏิบัติการบุกจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 แต่ผู้ต้องหาได้รับข้อมูลบางส่วนล่วงหน้าจึงรีบเดินทางเข้ามอบตัวก่อนแผนปฏิบัติการจริงจะเริ่มต้นเพียงหนึ่งวัน โดยมีทีมทนายความและพระผู้ติดตามเดินทางร่วมด้วย
แม้การมอบตัวจะเกิดขึ้นก่อนเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับอย่างเป็นทางการ แต่ทางตำรวจยืนยันว่าการเข้ามอบตัวไม่มีผลใด ๆ ต่อรูปคดี และจะดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากพฤติกรรมเข้าข่ายร้ายแรงและมีหลักฐานจำนวนมากที่สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีในชั้นศาล
ข้อกล่าวหาอุกฉกรรจ์ หลายกระทง
ในเบื้องต้น เจ้าอาวาสวัดไร่ขิงถูกตั้งข้อกล่าวหาใน 3 กระทงสำคัญ ได้แก่
1. เป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ในการดูแลหรือรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังทรัพย์นั้นมาเป็นของตนเองโดยมิชอบ
2. เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่กระทำการโดยทุจริต
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสยังไม่ให้การใด ๆ ในชั้นสอบสวน โดยระบุเพียงว่าจะให้การในภายหลัง โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมทั้งเตรียมประสานงานกับมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาเรื่องการลาสิกขาตามขั้นตอนทางพระธรรมวินัย ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จับกุมผู้ต้องหาสำคัญเพิ่มเติม
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ตำรวจกองบังคับการปราบปรามสามารถติดตามจับกุม “นางสาวอรัญญาวรรณ” ผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายที่มีความเกี่ยวพันกับคดีนี้ได้ที่บ้านพักในเมืองพัทยา โดยเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าอาวาส มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการด้านการเงิน และเป็นคนเชื่อมโยงเงินไปยังเครือข่ายพนันออนไลน์
นางสาวอรัญญาวรรณถูกตั้งข้อกล่าวหาเดียวกับเจ้าอาวาส และอยู่ระหว่างการนำตัวเข้าสอบปากคำที่กองบัญชาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (บก.ปปป.)
สะเทือนศรัทธา สังคมเรียกร้องความโปร่งใส
เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างแรงสะเทือนในวงการสงฆ์และศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่เคยร่วมทำบุญกับวัดไร่ขิง ซึ่งถือเป็นวัดสำคัญและมีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีที่เจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะภาคระดับสูง แต่กลับตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ร้ายแรงเช่นนี้
ประชาชนจำนวนมากแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้มีการตรวจสอบบัญชีวัดทั่วประเทศอย่างโปร่งใส เพื่อไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งเสนอให้มีการแก้กฎหมายหรือออกระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด เพื่อป้องกันการทุจริตในอนาคต
ตำรวจเดินหน้าขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. ยืนยันว่า ทางตำรวจจะเดินหน้าขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือฆราวาสที่มีส่วนรู้เห็นในการโอนย้ายเงินผิดปกติ หรือมีพฤติกรรมอำนวยความสะดวกในการกระทำผิด ซึ่งขณะนี้มีรายชื่อผู้เกี่ยวข้องอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการติดตามพฤติกรรมและตรวจสอบทรัพย์สิน
คดีเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัดไปเล่นบาคาร่า มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของระบบยุติธรรมไทยในการตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งศรัทธาสูงสุดของประชาชน แม้จะอยู่ในคราบผ้าเหลืองก็ตาม ซึ่งตำรวจยืนยันว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันศาสนาและความยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป










