8 ปีแห่งความเชื่อ สูญ 10 ล้าน! เหยื่อร่างทรงปลอมลั่น ขอเอาผิดถึงที่สุด
เรื่องราวสุดสะเทือนใจที่กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ กรณีของ “คุณนิ้ว” หญิงวัย 44 ปี ที่ตัดสินใจออกมาเปิดเผยประสบการณ์ตรงในรายการโหนกระแส พร้อมทั้งร้องขอความช่วยเหลือจาก “กัน จอมพลัง” หลังถูกหญิงรายหนึ่งซึ่งอ้างตัวเป็น “ร่างทรงพ่อปู่ภุชงค์นาคราช” หลอกให้เชื่อเรื่องคุณไสยมนต์ดำ และเรียกเก็บเงินค่า “ทำพิธี” อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 8 ปี จนสูญเสียทรัพย์สินรวมเกือบ 10 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของความศรัทธาที่กลายเป็นการสูญเสีย
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2560 คุณนิ้วเล่าว่าลูกสาวของเธอมีปัญหาสุขภาพ ทำให้เธอเริ่มสนใจหาสิ่งของบูชาและแนวทางทางจิตใจเพื่อช่วยบำบัดลูกให้ดีขึ้น จนกระทั่งได้รู้จักกับหญิงสาวคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็น "แม่ร่างทรงพ่อปู่ภุชงค์นาคราช" เข้ามาตีสนิทและสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างว่าตนเองปฏิบัติธรรม มีจิตสัมผัสพิเศษ และสามารถสื่อสารกับพญานาคราชได้
หญิงรายนี้ยังอาสาช่วยดูดวง จัดฮวงจุ้ย และให้คำแนะนำต่าง ๆ ในลักษณะของผู้หวังดี ทำให้คุณนิ้วและครอบครัวเริ่มไว้วางใจ และถึงขั้นให้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน เนื่องจากเห็นว่าเธอไม่มีที่อยู่ ไม่มีครอบครัว และดูน่าสงสาร
กับดักของ “ความเชื่อ” และ “การอ้างอิงสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
ไม่นานหลังจากร่างทรงคนดังกล่าวเข้ามาอยู่ในชีวิต คุณนิ้วเริ่มถูกชักจูงให้ทำพิธีกรรมต่าง ๆ โดยอ้างว่าลูกสาวของเธอโดน “คุณไสยจากเขมร” และมี “ผี 13 ตนเข้าสิง” ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะเกิดอันตรายร้ายแรงกับทั้งลูกสาวและสมาชิกในครอบครัว
ทุกครั้งที่จะติดต่อกับ "พ่อปู่" หรือทำพิธีไล่ผี ร่างทรงจะมีค่าใช้จ่ายตามมาทุกครั้ง โดยมีทั้งค่าครู ค่าของบูชา ค่าทำพิธีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ในช่วงแรกคุณนิ้วเชื่ออย่างสนิทใจ เนื่องจากหญิงคนนี้มักมีคำทำนายที่ดูแม่นยำและรู้เรื่องราวในบ้านอย่างละเอียด
จากความศรัทธาสู่ความสูญเสีย
ภายในระยะเวลา 2 ปีแรก คุณนิ้วยอมเสียเงินกับค่าทำพิธีไปกว่า 5 ล้านบาท และค่าของบูชาอีกประมาณ 2 ล้านบาท แต่สิ่งที่ตามมาคืออาการของลูกสาวกลับไม่ดีขึ้น ตรงกันข้าม กลับมีพิธีใหม่ ๆ ถูกเสนอขึ้นมาเรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลแปลกประหลาดมากขึ้น
จุดที่ทำให้คุณนิ้วเริ่มรู้สึกแคลงใจก็คือการที่ร่างทรงอ้างว่าจะต้องทำพิธีใหญ่อีกครั้ง โดยบอกว่าได้ถ่ายภาพ “ขณะพิธีกรรม” มาให้ดู แต่ภาพที่ส่งมานั้นกลับเป็นภาพ “ไอ้ไข่” ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับลูกสาวเลย ทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจไม่ได้ติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงอย่างที่กล่าวอ้าง
เมื่อหมดศรัทธา แต่ภัยยังไม่จบ
หลังจากแน่ใจว่าเป็นการหลอกลวง คุณนิ้วจึงตัดสินใจไล่หญิงคนดังกล่าวออกจากบ้าน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวของเธอก็เริ่มพบเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เช่น ปัญหาการงานสะดุด สิ่งของเสียหายโดยไม่มีเหตุผล และอารมณ์ในบ้านที่ตึงเครียดมากขึ้น
คุณนิ้วเชื่อว่า ร่างทรงคนนี้อาจใช้มนต์ดำตอบโต้หลังถูกขับไล่ออกจากบ้าน เพราะไม่ได้รับเงินอีกต่อไป
ขอยุติความเชื่อผิด ๆ ด้วยกระบวนการยุติธรรม
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป คุณนิ้วจึงหันมาร้องขอความช่วยเหลือจาก “กัน จอมพลัง” นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาชนชื่อดัง และได้นำเรื่องราวทั้งหมดเปิดเผยผ่านรายการโหนกระแส เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่ประชาชนในสังคม
กัน จอมพลัง ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการช่วยเหลือทางด้านคดีอย่างเต็มที่ เพื่อให้หญิงร่างทรงรายนี้ได้รับโทษตามกฎหมาย พร้อมทั้งแนะให้คุณนิ้วรวบรวมหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งสลิปโอนเงิน รูปภาพการทำพิธี ข้อความแชท และภาพจากกล้องวงจรปิดหากมี เพื่อประกอบการแจ้งความดำเนินคดี
เพจดังเปิดหน้าแฉ “ร่างทรงตัวปลอม”
หลังจากเรื่องราวกลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง “ท่านเปา” ได้ออกมาเปิดเผยภาพใบหน้าของหญิงสาวรายหนึ่งที่สวมเสื้อสีแดง พร้อมอ้างว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับร่างทรงพ่อปู่ภุชงค์นาคราชที่หลอกลวงคุณนิ้ว
โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ต มีผู้แชร์และแสดงความคิดเห็นต่อเนื่อง หลายคนรู้สึกโกรธแทนผู้เสียหาย และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหยื่อรายใหม่
กรณีของคุณนิ้วสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อในสิ่งเร้นลับหากขาดวิจารณญาณ อาจนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและสุขภาพจิต การเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นโดยไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในคราบของ “ร่างทรง” หรือ “ผู้ปฏิบัติธรรม”
ความศรัทธาไม่ใช่เรื่องผิด แต่การขาดสติและการไม่ตั้งคำถามคือสิ่งที่อันตรายที่สุด ขอฝากถึงทุกคนให้ตรวจสอบข้อมูลและใช้วิจารณญาณทุกครั้งก่อนจะยอมจ่ายเงินหรือมอบความไว้วางใจให้ใครเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตคุณ
นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องลวงโลก แต่คือการทำลายชีวิตคนทั้งครอบครัว
และต้องไม่มีใครตกเป็นเหยื่อซ้ำสองอีกต่อไป
หากท่านใดพบเบาะแสหรือถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน อย่ารีรอที่จะเข้าแจ้งความหรือขอคำปรึกษาจากผู้รู้ด้านกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและคนที่รัก.
อ้างอิงจาก: โหนกระแส





















