คิดว่าทำบุญ ที่แท้เติมเครดิต! แพรรี่จวกแรง วงการศีลแตก
“ค่าที่แพงๆ นึกว่าเอาไปบำรุงวัด ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บ?” แพรรี่ เดือด ปมเจ้าคุณวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้าน แทงบาคาร่าออนไลน์ – ชาวเน็ตขุดดราม่าเก่าแม่ค้าประมูลล็อกขายของ 1.6 ล้าน
กลายเป็นประเด็นร้อนที่สะเทือนวงการพระสงฆ์ไทยอย่างรุนแรง เมื่อเจ้าคุณชื่อดังระดับประเทศอย่าง “พระธรรมวชิรานุวัตร” หรือ “เจ้าคุณแย้ม กิตฺตินฺธโร” เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม และเจ้าคณะภาค 14 ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 จากข้อหายักยอกเงินจากบัญชีวัดไปใช้เล่นพนันออนไลน์ ยอดความเสียหายทะลุกว่า 300 ล้านบาท
แต่สิ่งที่ทำให้โลกโซเชียลระอุไม่แพ้เนื้อหาคดี ก็คือปฏิกิริยาเดือดพล่านของ “แพรรี่ ไพรวัลย์” หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความเชิงเสียดสีเจ็บแสบว่า
“ที่เก็บค่าที่แพงๆ นี่ นึกว่าเอาไปบำรุงวัด ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บหรอคะ ค่าที่แพงเพราะแทงไม่ถูก”
ทำให้ชาวเน็ตพากันตั้งข้อสังเกตว่า แพรรี่กำลังพาดพิงไปถึงวัดไร่ขิง ซึ่งเคยตกเป็นประเด็นดราม่าเรื่อง "ค่าที่แพงเกินไป" ในการเปิดพื้นที่ให้เช่าขายของในงานประจำปี โดยเฉพาะกรณีของ “เกด กาละแม” แม่ค้าชื่อดังจากเพชรบุรีที่เคยเปิดเผยว่าเธอประมูลล็อกขายของในวัดไร่ขิงด้วยเงินสูงถึง 1.6 ล้านบาท เมื่อปี 2565
คดีสุดฉาว: พระระดับสูงเอาเงินวัดไปเล่นพนัน
คดีนี้เริ่มต้นมาจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง หลังมีการร้องเรียนว่าเงินจากบัญชีของวัดไร่ขิงถูกเบิกถอนผิดปกติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่การสืบสวนลับนานกว่า 8 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในวัดไร่ขิง และพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย ทั้งการโอนเงินจากบัญชีวัดไปยังบัญชีส่วนตัวของพระธรรมวชิรานุวัตร และการโอนต่อไปยังบัญชีนางสาวอรัญญาวรรณ บุคคลที่มีชื่อพัวพันกับเว็บพนัน LAGALAXY911
ตำรวจเผยว่ามีการโอนเงินเข้าเว็บพนันเพื่อเล่นเกมบาคาร่าออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเงินในวัดเริ่มร่อยหรอ ยังมีการไปยืมเงินจากพระในวัดอื่น ๆ มาเป็นทุนในการเล่นพนันอีกด้วย
ยอดเงินหมุนเวียนรวมในคดีนี้อยู่ที่ ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และมีการเตรียมออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 6 รายในเครือข่ายร่วมขบวนการ
กระแสสังคม: ชาวพุทธช็อก – ดารา อินฟลูเอนเซอร์ เดือดจัด
เหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างมากในหมู่ประชาชน เพราะวัดไร่ขิงถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่จังหวัดนครปฐม และหลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปที่ชาวไทยเคารพศรัทธาอย่างมากมายมายาวนาน
เมื่อมีข่าวว่าเจ้าอาวาสผู้ดูแลวัดมาเป็นเวลานาน ใช้อำนาจหน้าที่ในการยักยอกเงินวัดไปเล่นพนัน ทำให้ประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวัง และตั้งคำถามต่อระบบการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะโพสต์ของ “แพรรี่ ไพรวัลย์” ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่ไว้หน้า สะท้อนความไม่พอใจของคนในสังคมที่รู้สึกว่า “ความศรัทธา” กำลังถูกบั่นทอนอย่างไม่มีชิ้นดี
“ค่าที่แพงๆ ที่ประชาชนจ่ายเพื่อหวังให้วัดเจริญรุ่งเรือง กลับกลายเป็นต้นทุนให้พระระดับสูงเอาไปใช้หมุนโต๊ะบาคาร่า มันน่าเศร้า”
ชาวเน็ตขุดดราม่า “ล็อกขายของ 1.6 ล้าน” กลับมาพูดถึงอีกครั้ง
ดราม่าค่าที่วัดไร่ขิงแพง ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งในโลกโซเชียล โดยย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2565 เคยมีแม่ค้าชื่อ “เกด กาละแม” หรือ น.ส.ณัฐนันท์ เกตุหอม จากอำเภอเขาย้อย จ.เพชรบุรี ที่ออกมาเปิดเผยว่าตนประมูลล็อกขายขนมกาละแมในงานประจำปีวัดไร่ขิง ด้วยราคา 1.6 ล้านบาท จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางในขณะนั้น
ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่า ทางวัดเรียกเก็บราคาสูงไปหรือไม่ และการที่แม่ค้าคนหนึ่งกล้าจ่ายเงินระดับนี้ เป็นเรื่องจริงหรือแค่ “สร้างกระแส”?
ต่อมา “เกด” ได้ออกมาชี้แจงว่าเธอประมูลราคานั้นด้วยความสมัครใจ เพราะอยากได้พื้นที่ทำเลทอง ซึ่งมีคนเข้ามาแข่งขันหลายราย และตนก็เชื่อว่าหากขายดี ก็จะได้กำไร ส่วนถ้าขาดทุนก็ถือว่าได้ทำบุญให้วัด ซึ่งตนสืบทอดอาชีพจากพ่อแม่ที่ขายของในงานวัดไร่ขิงมานานหลายสิบปี
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงคือวัดไร่ขิง ไม่ได้บังคับ หรือเรียกเก็บราคานั้นโดยตรง แต่การเปิดให้ประมูลเป็นกลไกของตลาด ซึ่งคนประมูลเองต้องรับผิดชอบราคาที่เสนอ
แต่เมื่อเกิดคดีที่เจ้าอาวาสถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินวัดไปเล่นพนัน ทำให้ชาวเน็ตโยงเรื่องนี้เข้าด้วยกันทันที พร้อมตั้งคำถามว่า
“เงินที่เก็บจากแม่ค้าเอาไปไหน? เงินที่ชาวบ้านบริจาคเพื่อศาสนา หายไปอยู่ในบัญชีเว็บพนันงั้นหรือ?”
ความศรัทธาที่ร้าวลึก – ถึงเวลาปฏิรูปวัดไทยจริงจัง
สิ่งที่คดีนี้สะท้อนออกมา ไม่ใช่เพียงแค่การทุจริตของพระรูปหนึ่ง แต่ยังเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าระบบบริหารจัดการวัดของไทยยังขาดความโปร่งใส และไม่สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย
หลายฝ่ายรวมถึงนักวิชาการ เรียกร้องให้มีการ ปฏิรูประบบการจัดการทรัพย์สินของวัด ให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ มีระบบบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้ และควรมีองค์กรกลางที่เป็นอิสระเพื่อกำกับดูแลอย่างแท้จริง
เพราะวัดไม่ใช่แค่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่คือศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธาของชาวพุทธไทยทั้งประเทศ
กรณีของพระธรรมวชิรานุวัตรกับเงินกว่า 300 ล้านที่หายไปในโต๊ะบาคาร่าออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป แต่เป็นวิกฤตศรัทธาครั้งใหญ่ของวงการสงฆ์ไทย และเป็นบททดสอบว่าสังคมไทยจะยอมปล่อยผ่าน หรือจะลุกขึ้นมาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวัดไทยอย่างจริงจัง
และเมื่อเสียงประชาชนเริ่มพูดว่า “ศรัทธาเราแพงไปไหม?” ก็ถึงเวลาที่รัฐต้องหันมาตอบคำถามนี้อย่างจริงจัง ก่อนที่ความเชื่อจะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าจางหายในอดีต















