ในการทัวร์ตะวันออกกลาง ทรัมป์ได้ประกาศเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตหลังน้ํามัน
🛢️ “หลังน้ำมัน” เริ่มแล้ว?
เมื่อทรัมป์ทัวร์ตะวันออกกลาง และประกาศพลังเทคโนโลยีอเมริกันในยุคใหม่
📍 ที่กรุงริยาด – ซาอุดีอาระเบีย:
ท่ามกลางเสียงกลองต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางเยือนตะวันออกกลางอย่างเป็นทางการ โดยมีวาระสำคัญมากกว่าแค่เรื่อง “น้ำมัน” — เพราะเขาเปิดตัวแนวคิดใหม่ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง:
“พลังเทคโนโลยีของอเมริกา จะขับเคลื่อนตะวันออกกลางในวันที่ไร้น้ำมัน”
คำพูดนี้ ไม่ได้มาเล่น ๆ — แต่มาพร้อมข้อตกลงระดับมหาอำนาจหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ที่สั่นสะเทือนภูมิภาคทั้งเศรษฐกิจและความมั่นคงในคราวเดียว
⚙️ แผนเทคโนโลยี “หลังน้ำมัน” คืออะไร?
ทรัมป์และคณะได้นำเสนอโครงการเทคโนโลยีใหม่หลายชุดต่อบรรดาผู้นำอาหรับ โดยเน้นย้ำว่า…
ตะวันออกกลางไม่จำเป็นต้องพึ่งพาน้ำมันอย่างเดียวอีกต่อไป
อเมริกามีเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด, AI, ระบบสาธารณสุข และกลาโหม ที่สามารถช่วยปฏิรูปเศรษฐกิจในภูมิภาคได้
ตัวอย่างโครงการที่ทรัมป์นำเสนอ:
- โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในซาอุฯ มูลค่า 45 พันล้านดอลลาร์
โดยบริษัทเทคโนโลยีพลังงานจากแคลิฟอร์เนียจะเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิต - ศูนย์ AI และ Big Data กลางทะเลทราย ที่สหรัฐฯ เสนอจะร่วมทุนกับ UAE
- ระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ในโดฮาและอาบูดาบี ที่ใช้ซอฟต์แวร์อเมริกันควบคุมทั้งหมด
💰 ดีลเงินสะพัด: เทคโนโลยี + อาวุธ รวมกว่า 150 พันล้านดอลลาร์
ใช่ครับ ทัวร์นี้ของทรัมป์ไม่ได้มาเพื่อพูดอย่างเดียว แต่มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) และดีลการค้าใหญ่ ๆ หลายฉบับ โดยเฉพาะ…
- 🇸🇦 ดีลอาวุธกับซาอุฯ มูลค่า 142 พันล้านดอลลาร์
ประกอบด้วยระบบป้องกันขีปนาวุธ, โดรน, ยานเกราะ และการฝึกทหารจากสหรัฐฯ - 💻 ข้อตกลงด้านเทคโนโลยีความมั่นคงไซเบอร์ กับกาตาร์ และโอมาน
- ⚡ ดีลพลังงานลมกับอียิปต์ โดยมีบริษัทจากเทกซัสเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
ทรัมป์บอกว่า…
“นี่ไม่ใช่แค่การค้าขาย แต่คือการสร้างอนาคตใหม่ร่วมกัน
อเมริกาจะเป็นผู้นำในโลกหลังยุคน้ำมัน”
🏗️ เป้าหมาย: “เศรษฐกิจใหม่” ของตะวันออกกลาง
ต้องยอมรับว่า หลายประเทศในตะวันออกกลางพยายามกระจายเศรษฐกิจมายาวนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ซาอุฯ Vision 2030 หรือ Dubai Future Foundation
แต่ขีดจำกัดคือ “เทคโนโลยี” ซึ่งส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาจากตะวันตกหรือจีน
การที่ทรัมป์มาเสนอตัวเป็นพันธมิตรเทคโนโลยีแบบครบวงจร และพร้อมจะถ่ายโอนความรู้บางส่วน — ทำให้ผู้นำอาหรับจำนวนมากเปิดไฟเขียวทันที
🌍 แล้วจีนล่ะ
เกมท่ามกลางสงครามอิทธิพล
ในขณะที่จีนเองก็ลงทุนในตะวันออกกลางจำนวนมาก เช่น “โครงการ Belt and Road” หรือการเป็นผู้เล่นสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ทรัมป์เลือกเข้ามาในมุมของ “เทคโนโลยี+อาวุธ” ซึ่งตรงกับสิ่งที่หลายประเทศอาหรับต้องการ
นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมร่วมสหรัฐฯ-ตะวันออกกลาง” เพื่อเป็นคู่แข่งกับศูนย์วิจัยของจีนในดูไบ
🤔 วิเคราะห์โดย...
การทัวร์ตะวันออกกลางครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ทริปการทูตธรรมดา แต่มันคือ:
- ✅ การประกาศชัดว่า อเมริกาจะไม่ยอมให้จีนยึดครองตลาดอนาคตในภูมิภาคนี้
- ✅ การยึดหัวหาดใหม่ในเรื่อง “เทคโนโลยีสะอาด-อาวุธ-ข้อมูล”
- ✅ การวางหมากล่วงหน้าสำหรับเศรษฐกิจโลกหลังยุคน้ำมัน
และที่สำคัญ… ทรัมป์อาจใช้ภาพลักษณ์นี้เพื่อส่งผลถึงการเมืองภายในประเทศด้วยว่า
“ผู้นำที่คนต่างประเทศยังฟัง คือคนที่อเมริกาต้องการกลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง”
📌 สรุปสั้น ๆ
- 🛢️ ทรัมป์ประกาศขับเคลื่อนตะวันออกกลางด้วยเทคโนโลยีสหรัฐฯ เพื่อโลกหลังน้ำมัน
- 💰 ดีลรวมมูลค่ากว่า 150 พันล้านดอลลาร์ ทั้งอาวุธ พลังงาน และ AI
- 🌍 ตั้งเป้าแข่งจีน และแย่งบทบาทในภูมิภาคสำคัญของโลก
- 🤖 ตะวันออกกลางอาจกลายเป็น “สนามทดลองนวัตกรรม” แห่งใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
🗨️ แอดว่า นี่เป็นข่าวใหญ่ที่อาจเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลกแบบเงียบ ๆ
และเราคนไทยก็ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อโลกเปลี่ยน — ทั้งเรื่องน้ำมัน เทคโนโลยี และพันธมิตรพลังงาน… ราคาสินค้าและพลังงานในบ้านเราก็อาจสะเทือนไปด้วย 💥
ใครอยากให้แอดทำตอนต่อเกี่ยวกับ “บทบาทของจีนในตะวันออกกลาง” หรือ “ผลกระทบต่อตลาดพลังงานโลก” บอกได้เลยครับ ✍️
อ้างอิงจาก: bbc cnn















