เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร! ลูกตามหาพ่อ พลิกชีวิตเจอเป็นตร.ใหญ่ ไปเจอแต่ถูกไล่ หนุ่มกรรชัย ไม่ทนขอส่งเสียเรียนเอง
ดราม่าจากใจ “ลูกสาว พ.ต.อ.” พ่อไม่ยอมรับในตัวลูก สุดท้าย หนุ่ม กรรชัย ยื่นมือช่วย ขอรับผิดชอบค่าเล่าเรียนจนจบเอง!
ในโลกความจริงที่โหดร้าย บางคนอาจเติบโตมาโดยไร้พ่อแม่ บางคนอาจมีพร้อมทุกอย่าง แต่สำหรับ "น้องหนูดี" เด็กหญิงวัยมัธยมต้นคนหนึ่ง เธอเติบโตมาโดยไม่เคยได้ยินคำว่า "พ่อ" จากปากแม่เลยตลอดชีวิต และแม้ว่าโชคชะตาจะนำพาให้เธอได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้ว พ่อของเธอคือข้าราชการตำรวจระดับสูง ยศ "พ.ต.อ." แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่อ้อมกอดของผู้ให้กำเนิด แต่เป็นคำปฏิเสธที่เจ็บลึกสุดหัวใจ “ไม่มีตัวตน” คำตอบที่เธอไม่มีวันลืม
เรื่องราวที่เริ่มต้นจากความลำบากของแม่
"คุณรุ่ง" แม่ของน้องหนูดี ทำงานเป็นหมอนวดแผนไทยในร้านของคุณเพียว ผู้มีพระคุณที่มองเห็นความตั้งใจและความอดทนของหญิงสาวคนนี้มาโดยตลอด เธอเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่น้องยังแบเบาะ ต้องวิ่งรอกทำงานหาเงิน พร้อมเลี้ยงดูลูกด้วยตัวเอง
คุณเพียว เจ้าของร้าน เล่าว่าตั้งแต่ที่คุณรุ่งเข้ามาทำงานกับเธอ ก็เห็นความพยายามและความเป็นแม่ที่เสียสละทุกอย่างเพื่อ “น้องหนูดี” เธอจึงยื่นมือเข้าช่วย ให้คุณรุ่งย้ายลูกมาอยู่ในทะเบียนบ้านของตน เพื่อให้น้องได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีขึ้น และคอยดูแลเสมือนเป็นลูกของตัวเองอีกคน
จนกระทั่งวันหนึ่ง… ความฝันของเด็กคนหนึ่งก็เกือบต้องดับลง
น้องหนูดีเป็นเด็กเรียนดี มีความฝันว่าอยากจะเป็น “ทนายความ” แต่หลังจากเรียนจบชั้น ม.3 แล้ว กลับไม่สามารถนำใบวุฒิการศึกษาไปสมัครเรียนต่อได้ เพราะยังค้างค่าเทอม และทางบ้านก็ไม่สามารถจ่ายได้อีกแล้ว
คุณรุ่งที่ป่วยหนัก ไม่สามารถทำงานหาเงินได้เหมือนเดิม จึงตัดสินใจบอกลูกสาวว่า “พ่อของหนูยังมีชีวิตอยู่” และแนะนำให้ลูกลองติดต่อขอความช่วยเหลือจากเขา เพราะตัวเองไม่ไหวแล้วจริงๆ
ค้นหาพ่อผ่าน Google สู่ความจริงที่แสนเจ็บปวด
น้องหนูใช้ชื่อพ่อที่ปรากฏในใบสูติบัตรไปค้นหาใน Google และพบว่าพ่อของเธอคือข้าราชการตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ซึ่งมีภาพลักษณ์ดีในสังคม มักออกสื่อในข่าวช่วยเหลือสังคม เด็กยากไร้ และกิจกรรมมอบทุนการศึกษาอยู่เสมอ
คุณเพียวจึงโทรไปยังหน่วยงานที่พ่อของน้องทำงานอยู่ แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้พบ บอกเพียงว่าจะติดต่อกลับมาอีกที แม้จะพยายามติดต่อผ่านหลายช่องทาง สุดท้ายก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
เมื่อได้เจอหน้ากัน พ่อกลับพูดว่า... “ไม่ควรมาคุยเรื่องนี้ในที่ทำงาน”
น้องหนูดีและทีมงานของคุณเพียวพยายามนัดพบกับผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยอมพูดคุยในที่สุด แต่การพูดคุยกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เขาอ้างว่า “สถานที่ทำงานราชการ ไม่ควรคุยเรื่องครอบครัว” และเมื่อถามถึงเรื่องค่าเล่าเรียน กลับบอกว่ากำลังจะช่วยอยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุป เพราะเงินเก็บของตัวเองหมดไปกว่า 2 ล้านบาทจากการรักษาตัวจากโรคติดเชื้อในกระแสเลือด
สิ่งที่น่าสะเทือนใจที่สุดคือ พ.ต.อ. รายนี้กลับกล่าวอ้างว่า ตอนลูกยังเล็ก เคยให้พี่ชายของตนเลี้ยงที่ชลบุรี แต่แม่เด็กหนีไปต่างประเทศ และตัดการติดต่อทุกทาง ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่แม่ของเด็กเล่าอย่างสิ้นเชิง
ถึงจุดสิ้นสุดของความหวัง... แต่จุดเริ่มต้นของแสงสว่างใหม่ก็เกิดขึ้น
เมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดที่ไม่สามารถตกลงกันได้ รายการ “โหนกระแส” ที่ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย” ได้เชิญน้องหนูดีและคุณเพียวมาพูดคุยถึงเหตุการณ์ทั้งหมด พร้อมเปิดเผยความจริงจากหลายมุม
และสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
หนุ่ม กรรชัย ประกาศกลางรายการ: “ผมจะรับผิดชอบค่าเล่าเรียนให้น้องเองจนเรียนจบ”
เมื่อเห็นความตั้งใจของเด็กคนหนึ่งที่อยากเรียน อยากมีอนาคต แต่กลับถูกปฏิเสธจากผู้เป็นพ่อแท้ๆ หนุ่ม กรรชัย จึงตัดสินใจขออาสาช่วยเหลือด้วยตัวเอง พร้อมสนับสนุนให้น้องหนูดีได้เลือกเส้นทางของตัวเอง ว่าจะเรียนสายสามัญเพื่อเป็นทนาย หรือเรียนสายอาชีพเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน
นอกจากนี้ ยังมีสปอนเซอร์ใจดีอย่าง M-150 และดัชมิลล์ มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวอีก 40,000 บาท เพื่อรักษาแม่
น้ำใจจากสังคมในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า แม้ครอบครัวจะไม่พร้อม แต่สังคมก็ยังมีคนที่พร้อมจะหยิบยื่นโอกาสให้เสมอ
เสียงสะท้อนจากโลกออนไลน์
เรื่องราวนี้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว หลายคนเข้ามาให้กำลังใจน้องหนู ชื่นชมความกล้าหาญ ความอดทน และความตั้งใจในการศึกษาของเธอ ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปยังผู้เป็นพ่อว่า ไม่ควรปฏิเสธความรับผิดชอบเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองต้องการเพียงโอกาสในการเรียน ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือชื่อเสียง
เรื่องราวของน้องหนูดีไม่ใช่แค่ดราม่าครอบครัวธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนของความเหลื่อมล้ำทางโอกาส ความเจ็บปวดของเด็กที่เกิดจากความสัมพันธ์อันสับสนของผู้ใหญ่ และเป็นบทพิสูจน์ว่า "น้ำใจ" ของคนแปลกหน้าบางคน อาจยิ่งใหญ่กว่าสายเลือดแท้ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเดียวกัน
ขอให้น้องหนูดีได้ก้าวต่อไปในเส้นทางที่เลือก และขอชื่นชม "หนุ่ม กรรชัย" ที่ไม่เพียงแต่เป็นพิธีกรรายการดัง แต่ยังเป็นฮีโร่ที่แท้จริงของใครหลายคน
อ้างอิงจาก: ขอบคุณภาพและข้อมูลจากรายการ โหนกระแส










