ลิลลี่เปิดใจ! ร้องไห้บนเครื่องบินเพราะแพนิคจริง ไม่ใช่สร้างคอนเทนต์
“ลิลลี่ ภัณฑิลา” เปิดใจหลังเจอเหตุการณ์เครื่องบินตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง เผยแพนิคร้องไห้หนัก ชี้แจงกรณีดราม่าโลกโซเชียล วอนไม่ตัดสินกันเพียงภาพไม่กี่วินาที
กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อ “ลิลลี่ ภัณฑิลา” นักแสดงสาวมากฝีมือ ต้องเผชิญกับประสบการณ์อันน่าหวาดเสียวระหว่างเดินทางโดยสารเครื่องบิน ซึ่งเกิดเหตุการณ์ “ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง” ระหว่างอยู่กลางอากาศ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของเธอในขณะนั้นเท่านั้น แต่ยังจุดชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างร้อนแรง เมื่อมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่เธออยู่ในสภาวะแพนิค ร้องไห้ด้วยความกลัว
หลังจากคลิปดังกล่าวถูกแชร์ต่อในโลกออนไลน์ ความคิดเห็นจากชาวเน็ตก็หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งในมุมของความเห็นใจ เข้าใจ และอีกด้านหนึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ โดยบางคนตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการถ่ายคลิปในขณะที่ผู้โดยสารอยู่ในความหวาดกลัว เช่น “ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนั้น?”, “ตั้งใจสร้างคอนเทนต์หรือเปล่า?” หรือแม้แต่ “ทำให้คนอื่นตกใจมากขึ้นไหม?” ซึ่งคำถามเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่กดดันจิตใจของลิลลี่ไม่น้อยเลย
ชี้แจงจากเจ้าตัว – ความกลัวไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ล่าสุด ลิลลี่ ภัณฑิลา ได้ออกมาโพสต์ข้อความร่ายยาวผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงตอบโต้ข้อสงสัยและคำวิจารณ์ที่เธอได้รับ โดยเริ่มต้นด้วยการขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใยที่ส่งเข้ามาอย่างล้นหลาม จากแฟนคลับ เพื่อนร่วมวงการ และคนทั่วไปที่เข้าใจในสถานการณ์
ในข้อความดังกล่าว ลิลลี่เผยว่า เธออยู่ในสภาวะที่กลัวมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ และไม่ได้ทราบล่วงหน้าว่ามีการถ่ายคลิปวิดีโอไว้ “จนกระทั่งออกจากเครื่องแล้วถึงได้เห็นคลิปดังกล่าว” เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ภาวะแพนิค (Panic Attack) ไม่ใช่เพียงความกลัวธรรมดา แต่เป็น “อาการทางจิตใจ” ที่ร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรงต่อสถานการณ์ที่รู้สึกว่า “ไม่ปลอดภัย” ซึ่งผู้ที่ไม่เคยเผชิญเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตนเอง อาจยากที่จะเข้าใจถึงความรุนแรงของอารมณ์และความรู้สึก ณ ขณะนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิลลี่เปิดเผยว่า เธอเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตยังคงฝังลึกในจิตใจ และเมื่อเจอเหตุการณ์บนเครื่องบินในครั้งนี้ จึงกลายเป็นชนวนที่กระตุ้นความกลัวเก่าให้กลับมารุนแรงอีกครั้ง “มันผวามากค่ะ มันไม่ใช่แค่ตกใจ แต่มันคือความรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ทั้งที่เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย”
เข้าใจว่ามีมุมมองที่ต่าง แต่บางคำพูดเจ็บเกินรับไหว
แม้จะเข้าใจว่าผู้คนมีมุมมองที่แตกต่างกัน ลิลลี่ก็ยอมรับว่า ปกติเธอไม่ตอบโต้หรือให้ความสำคัญกับคอมเมนต์เชิงลบ แต่ครั้งนี้บางความคิดเห็นรุนแรงเกินไป จนรู้สึกว่าควรออกมาพูดในมุมของตัวเองเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น
เธอระบุว่า “อยากให้ทุกคนลองใช้ความเข้าใจและพิจารณาให้รอบด้านก่อนจะแสดงความคิดเห็นอะไร เพราะบางคำพูดนั้นส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด” และบางคนอาจกำลังอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง ซึ่งการตัดสินจากภาพเพียงไม่กี่วินาทีในคลิป อาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด
ลิลลี่เสริมว่า ปกติเธอเป็นคนมีสติ ควบคุมตัวเองได้ดี แต่เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน ความกลัวที่ถาโถมเข้ามาในขณะนั้นทำให้ “ไม่รู้จะทำยังไง” และหัวสมองเต็มไปด้วยความคิดมากมายว่าอาจเกิดอะไรขึ้นบ้าง
จากประสบการณ์ส่วนตัว สู่บทเรียนสาธารณะ
แม้จะได้รับเสียงวิจารณ์จากบางส่วนของสังคม ลิลลี่ยืนยันว่า การแชร์คลิปดังกล่าวไม่ใช่เพื่อสร้างคอนเทนต์หรือหวังยอดไลก์แต่อย่างใด แต่เธอเพียงต้องการแชร์ “ประสบการณ์จริง” ที่เกิดขึ้นให้กับสาธารณชนได้เห็นอีกมุมหนึ่งของความเป็นมนุษย์
เธอกล่าวว่า “เพียงแค่อยากแชร์ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อเตือนใจ หรือเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครก็ตามที่อาจเจอสถานการณ์คล้ายกันในอนาคต” เพราะเหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา หรือคนในวงการบันเทิง
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ – ความเข้าใจคือสิ่งสำคัญ
เหตุการณ์ของลิลลี่ ภัณฑิลา ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สังคมควรตระหนักว่า “สุขภาพจิต” เป็นสิ่งที่ควรได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนไม่แพ้สุขภาพกาย และการแสดงความคิดเห็นในยุคโซเชียลมีเดีย ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ ความเมตตา และความเคารพต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่บุคคลหนึ่งกำลังเผชิญกับความกลัว ความอ่อนแอ หรือความเจ็บปวดทางใจ
การวิพากษ์โดยไม่เข้าใจบริบท อาจกลายเป็นอีกหนึ่งแรงกระแทกที่ทำให้ผู้ที่กำลังบอบช้ำ ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว และหมดศรัทธาในความเป็นมนุษย์ของสังคม
เรื่องราวของลิลลี่ ภัณฑิลา คือภาพสะท้อนความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง เป็นการแสดงออกถึงความกลัว ความเจ็บปวด และความพยายามที่จะรักษาใจของตนเอง แม้ในสถานการณ์ที่ถูกจับตามองและตัดสินจากสายตาของผู้คนมากมาย
และแม้เธอจะเป็นดารา แต่สุดท้ายแล้ว ลิลลี่ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหัวใจ มีความรู้สึก และสมควรได้รับความเข้าใจไม่ต่างจากทุกคนในสังคม
อ้างอิงจาก: ขอบคุณภาพจากIG@lilyypantila
















