"ดิว อริสรา" โพสต์อาลัยถึงคุณพ่อ หลังจากจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
สูญเสียครั้งใหญ่ของ “ดิว อริสรา” สูญเสียคุณพ่อกะทันหัน ขณะยังเจอมรสุมหนี้ 62 ล้าน-คดีฉ้อโกงอีกระลอก
ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนในแวดวงบันเทิงและผู้ที่ติดตามข่าวสารของนักแสดงสาวชื่อดัง “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” หลังจากมีรายงานข่าวสุดเศร้าว่า นายวิชิต ทองบริสุทธิ์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “เสี่ยหลี” ซึ่งเป็นคุณพ่อของดาราสาว ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน
โดยพิธีกรรมทางศาสนาได้ถูกจัดขึ้นที่วัดช่องลม ตำบลโพชนไก่ อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวพันกับครอบครัวทองบริสุทธิ์ และก็มีรายงานว่า จะมีการประกอบพิธีตามธรรมเนียมและความเชื่อของครอบครัวอย่างเรียบง่ายและเป็นส่วนตัว
ดิว อริสรา เคลื่อนไหวครั้งแรก หลังสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิต
หลังข่าวการเสียชีวิตของคุณพ่อ “เสี่ยหลี” ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน “ดิว อริสรา” ก็ได้ออกมาแสดงความรู้สึกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ โดยโพสต์ภาพในวัยเด็ก เป็นภาพขาวดำที่เธอถ่ายร่วมกับคุณพ่อ พร้อมระบุข้อความสั้น ๆ แต่ลึกซึ้งว่า “จะอยู่ในหัวใจเสมอ” ซึ่งประโยคนี้เพียงประโยคเดียวก็ทำให้หลายคนที่ติดตามเธอสัมผัสได้ถึงความเศร้า ความรัก ความอาลัย และความผูกพันที่เธอมีต่อคุณพ่อของเธอ
โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล โดยมีทั้งเพื่อนพ้องในวงการบันเทิง รวมถึงแฟนคลับและชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความเสียใจ และส่งกำลังใจให้กับดาราสาวอย่างล้นหลาม
ช่วงเวลาที่ยากลำบากซ้อนเข้ามาไม่หยุด – ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องกฎหมาย
แม้การสูญเสียคนสำคัญจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับทุกคน แต่สำหรับ “ดิว อริสรา” แล้ว สถานการณ์ของเธอในช่วงเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นมรสุมลูกใหญ่ที่เข้ามาถาโถมแทบไม่เว้นวัน เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน ดาราสาวก็เพิ่งมีข่าวใหญ่ออกมาว่าเธอมีภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลถึง 62 ล้านบาท ที่ยังไม่สามารถเคลียร์ได้ และยังคงตกเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชน รวมถึงคนในสังคมจำนวนมากที่ติดตามข่าว
แม้ว่าจะมีรายงานว่าเธออยู่ต่างประเทศ และยังไม่มีการเดินทางกลับมายังประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่หลายคนก็จับตาดูว่าเธอจะต้องกลับมาจัดการกับเรื่องทางกฎหมายและหนี้สินต่าง ๆ อย่างไร
ล่าสุด ยิ่งทำให้เรื่องราวของเธอยิ่งร้อนแรงขึ้นไปอีก เมื่อมีรายงานว่า บริษัทแบรนด์เนมมันนี่ ได้ยื่นฟ้องดาราสาวต่อศาลในข้อหาฉ้อโกง หลังจากมีกรณีเกี่ยวกับ “สร้อยคอ BVLGARI” มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นของ “เมย์ วาสนา” หรือที่รู้จักในชื่อ “มาตามเมนี่” ซึ่งระบุว่า ดิวได้นำของดังกล่าวไปวางขาย โดยอ้างว่าเป็นของตนเอง และได้ไปจำนำเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย
กรณีนี้ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายจากประชาชนว่า “ดิว อริสรา” กำลังเผชิญปัญหาทางการเงินหรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงมีการกระทำในลักษณะที่เป็นการฉ้อโกงเช่นนี้ ซึ่งต้องรอการชี้แจงจากทางเจ้าตัว และความชัดเจนจากกระบวนการของศาลต่อไป
เหตุการณ์สูญเสียคุณพ่อ “เสี่ยหลี” ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้หลายคนรู้สึกเสียใจกับดาราสาวเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจทำให้ “ดิว อริสรา” ต้องตัดสินใจเดินทางกลับมายังประเทศไทยเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้
เนื่องจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก มักถือเป็นเหตุผลสำคัญที่คนเราจะกลับมาทำหน้าที่ลูกในพิธีกรรมไว้อาลัย และเมื่อผนวกกับคดีความที่กำลังดำเนินอยู่ ก็อาจกลายเป็น “ไฟลต์บังคับ” ที่เธอต้องเผชิญทั้งทางด้านความรู้สึก และกฎหมายในเวลาเดียวกัน
ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยจึงคาดการณ์ว่า เธอน่าจะกลับประเทศไทยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อร่วมพิธีศพของคุณพ่อ และอาจใช้โอกาสนี้ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในกรณีที่ถูกฟ้องร้อง ซึ่งกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ และทำให้ภาพลักษณ์ของเธอถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แม้ว่า “ดิว อริสรา” จะเป็นนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียง มีผลงานโดดเด่น และมีภาพลักษณ์สวยเฉี่ยวตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ แต่เส้นทางชีวิตของเธอกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวหลากหลาย ทั้งด้านความรัก ความสัมพันธ์ ครอบครัว และธุรกิจที่เคยเกี่ยวพันกับคนรอบข้างหลายกรณี
เธอเคยมีชื่อพัวพันกับข่าวใหญ่มาหลายครั้ง และก็มีทั้งคนที่รักและคนที่วิจารณ์เธออย่างเข้มข้น ดังนั้นการสูญเสียคุณพ่อในช่วงเวลาที่เธอกำลังเจอมรสุมลูกใหญ่เช่นนี้ จึงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะเห็นใจและอยากให้เธอกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
หลังจากที่ดิวโพสต์ภาพย้อนวัยคู่กับคุณพ่อ เสียงตอบรับจากคนในวงการบันเทิงก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามา ทั้งคอมเมนต์แสดงความเสียใจ กำลังใจ และการให้ความหวังว่าดิวจะผ่านเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปได้ บางคนก็ระบุว่า “การสูญเสียคนในครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” ขณะที่อีกหลายคนยืนยันว่า “ไม่ว่าเรื่องจะหนักแค่ไหน ดิวก็ยังมีคนรอบข้างที่รักเธออยู่เสมอ”
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกที่ถูกเผยผ่านภาพในอดีต ก็ทำให้ชาวเน็ตบางคนย้อนนึกถึงภาพลักษณ์ของดิวในวันที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งยังไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะต้องเจอกับความยากลำบากมากเพียงใด
สรุป
“ดิว อริสรา” กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่หนักหนาที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต ทั้งในแง่ของความสูญเสียทางครอบครัว และปัญหาทางกฎหมายที่ยังไม่จบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้มหาศาล คดีฉ้อโกงที่เพิ่งเริ่มต้น และกระแสสังคมที่ยังคงจับจ้องเธออย่างใกล้ชิด
การตัดสินใจของเธอในช่วงเวลานี้ไม่เพียงแต่จะมีผลต่อภาพลักษณ์ในวงการบันเทิงเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่ออนาคตในฐานะบุคคลสาธารณะที่มีทั้งผู้รักและผู้จับตามองอยู่เสมอ
ทุกสายตากำลังจับจ้องว่า “ดิว อริสรา” จะเดินหน้าต่ออย่างไร จะเลือกกลับประเทศไทยเพื่อร่วมงานศพคุณพ่อและสู้คดีอย่างเปิดเผย หรือจะยังคงเงียบงันอยู่เบื้องหลังโซเชียลต่อไป
ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน ก็หวังว่าเธอจะมีพลังใจมากพอที่จะก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ และกลับมาเป็น “ดิว อริสรา” ที่เข้มแข็งและโดดเด่นในแบบที่เธอเคยเป็นอีกครั้ง
















